เมนู

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีทั้งหลายฉันเสร็จห้ามภัตแล้ว จึงได้ฉันในที่อื่นอีกเล่า การกระทำของ
นางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


109. 4. อนึ่ง ภิกษุณีใด อันทายกนิมนต์แล้ว หรือห้าม
ภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยว หรือของฉัน เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์


[343] บทว่า อนึ่ง . . .ใด . ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด . . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพระอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า อันทายกนิมนต์แล้ว คือ นิมนต์ด้วยโภชนะ 5 อย่าง ๆ
ใดอย่างหนึ่ง.
ที่ชื่อว่า ห้ามภัตแล้ว คือ อาสนะปรากฏ โภชนะปรากฏ ตนอยู่
ในหัตถบาส ทายกนำของเข้าไปถวาย การห้ามปรากฏ.
ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว คือ เว้นโภชนะ 5 ยาคู ยามกาลิก สัตตาหกาลิก
ยาวชีวิก นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว.

ที่ชื่อว่า ของฉัน ได้แก่โภชนะ 5 คือ ข้าวสุก 1 ขนมสด 1 ขนม
แห้ง 1 ปลา 1 เนื้อ 1.
รับประเคนไว้ด้วยหมายใจว่าจักเคี้ยว จักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ ฉัน
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน.

บทภาชนีย์


ติกะปาจิตตีย์


[344] ทายกนิมนต์แล้ว ภิกษุณีสำคัญว่านิมนต์แล้ว เคี้ยวก็ดี ฉัน
ก็ดี ซึ่งของเคี้ยว หรือของฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทายกนิมนต์แล้ว ภิกษุณีสงสัย เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยว หรือ
ของฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทายกนิมนต์แล้ว ภิกษุณีสำคัญว่ามิได้นิมนต์ เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่ง
ของเคี้ยว หรือของฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ทุกะทุกกฏ


รับประเคนยามกะลิก สัตตาหกาลิก ยาวชีวิก ไว้เพื่อประสงค์เป็น
อาหาร ต้องอาบัติทุกกฏ ฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ ทุก ๆ คำกลืน.

อนาปัตติวาร


[345] ทายกไม่ได้นิมนต์ 1 ไม่ได้ห้ามภัต 1 ดื่มยาคู 1 บอกเจ้า
ของแล้วฉัน 1 เมื่อเหตุจำเป็นมี ฉันยามกาลิก สัตตาหกาลิก ยาวชีวิก 1
วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
อารามวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ