เมนู

บทว่า ด่าก็ดี คือ ด่าด้วยวัตถุสำหรับด่าทั้ง 10 อย่าง หรือด้วย
อย่างใดอย่างหนึ่งในทั้ง 10 นั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า กล่าวขู่ก็ดี คือ แสดงเรื่องหรืออาการที่น่ากลัว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์.

บทภาชนีย์


ติกะปาจิตตีย์


[336] อุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอุปสัมบัน ด่าก็ดี กล่าวขู่ก็ดี
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อุปสัมบัน ภิกษุณีสงสัย ด่าก็ดี กล่าวขู่ก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอนุสัมบัน ด่าก็ดี กล่าวขู่ก็ดี ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์.

จตุกะทุกกฏ


ด่าก็ดี กล่าวขู่ก็ดี ซึ่งอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[337] มุ่งอรรถ 1 มุ่งธรรม 1 มุ่งสั่งสอน 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา
1 ไม่ต้องอาบัติแล.
อารามวรรค สิกขาบทที่ 2 จบ

อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 2


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 2 พึงทราบดังนี้:-
สองบทว่า อายสมา กปฺปิตโก คือ ท่านผู้มีอายุนี้ เป็นพระเถระ
อยู่ภายในจำนวนภิกษุชฏิลพันรูป.
บทว่า สํหริ คือ ให้แพร่งพรายแล้ว (ได้นำไปบอก).
บทว่า สํหโต คือ ท่านพระอุบาลีให้แพร่งพรายแล้ว (นำไปบอก).
บทว่า กสาวโฏ แปลว่า ช่างกัลบก. พวกภิกษุณีกล่าวหมายเอา
ผู้ที่นุ่งผ้าย้อมน้ำฝาด กระทำการงาน. คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 3 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลก
วัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา แล.
อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ 2 จบ