ที่ชื่อว่า
ของเคี้ยว
ได้แก่ ของเคี้ยว เว้นโภชนะ 5 น้ำและไม้
ชำระฟัน นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว.
ที่ชื่อว่า
ของบริโภค
ได้แก่ โภชนะ 5 คือข้าวสุก ขนมสด ขนม
แห้ง ปลา เนื้อ.
บทว่า
ให้
คือ ให้ด้วยกายก็ดี ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ดี ด้วยโยน
ให้ก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ให้น้ำ ไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
[313] ใช้ผู้อื่นให้ 1 มิได้ให้ 1 วางให้ 1 ให้ขอลูบไล้ภายนอก 1
วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 6 จบ
อรรถกถาจิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 6
คำทั้งหมดในสิกขาบทที่ 6 บัณฑิตพึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้ว ใน
อาคารริกสิกขาบท ในนัคควรรคนั่นแล. แต่มีความแปลกกันอย่างนี้;-
อาคาริกสิกขาบทนั้น มีสมุฏฐาน 6 สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานดุจเอฬกโลม
สิกขาบท เพราะท่านกล่าวว่า ด้วยมือของตนเอง เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์
อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล.
อรรถกถาจิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 6 จบ
จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 7
เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
[314] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้น ภิกษุณี
ถุลลนันทาใช้ผ้าอาศัยคนเดียว ไม่ยอมสละ ภิกษุณีเหล่าอื่นที่มีประจำเดือน
ย่อมไม่ได้ใช้ บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพน-
ทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้ใช้ผ้าอาศัยไม่ยอมสละเล่า . . .
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาใช้ผ้าอาศัยไม่ยอมสละ จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ใช้ผ้าอาศัยไม่ยอมสละเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่
เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-