เมนู

สิกขาบทวิภังค์


[305] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ. . .
นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า งานช่วยเหลือสำหรับคฤหัสถ์ คือ ต้มยาคูก็ดี หุงข้าว
ก็ดี ทำของเคี้ยวก็ดี หรือซักผ้าสาฎกก็ดี ผ้าโพกก็ดี ของชาวบ้าน ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[306] ต้มยาคูถวายสงฆ์ 1 หุงข้าวถวายสงฆ์ 1 ในการบูชาเจดีย 1
ต้มยาคูก็ดี หุงข้าวก็ดี ทำของเคี้ยวก็ดี ซักผ้าสาฎกก็ดี ผ้าโพกก็ดี ให้แก่
ไวยาวัจกรของตน 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ

อรรถกถาจิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 4


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 4 พึงทราบดังนี้ :-
ในบทว่า ยาคู วา เป็นต้น พึงทราบว่า เป็นทุกกฏ โดยนับประโยค
ในทุก ๆ ประโยค ตั้งต้นแต่การบดข้าวสารเป็นต้น . ในข้าวต้มและข้าวสวย
พึงทราบว่า เป็นปาจิตตีย์มากตัว โดยการนับภาชนะ. ในของควรเคี้ยวเป็นต้น
เป็นปาจิตตีย์มากตัว โดยการนับชนิดของ.

บทว่า ยาคุปาเน มีความว่า เมื่อพวกชาวบ้านกำลังปรุงข้าวยาคู ทำ
น้ำปานะหรือสังฆภัตเพื่อประโยชน์แก่สงฆ์ ภิกษุณีหุงต้มโภชนะอย่างใดอย่าง
หนึ่ง โดยสมบทเข้าร่วมกับชาวบ้านเหล่านั้น ไม่เป็นอาบัติ. ภิกษุณีเป็นเพื่อน
บูชาพระเจดีย์ บูชาของหอมเป็นต้น ควรอยู่.
สองบทว่า อตฺตโน เวยฺยาวจฺจกรสฺส มีความว่า ถ้าแม้นว่า
มารดาและบิดามาหา ภิกษุณีจะวานให้ท่านทำของอย่างใดอย่างหนึ่งให้ เป็น
พัด หรือด้ามไม้กวาดก็ได้ ตั้งในไว้ฐานะแห่งไวยาจักรก่อนแล้วหุงต้มโภชนะ
อย่างใดอย่างหนึ่งให้ ควรอยู่. คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สมุฏฐานเป็นต้น เป็นเช่นเดียวกับสิกขาบทที่ 3 ทั้งนั้นแล.
อรรถกถาจิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ

จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 5


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[307] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
รูปหนึ่งเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทา แล้วได้กล่าวขอร้องว่า ขอเชิญแม่เจ้า
โปรดไปช่วยระงับอธิกรณ์นี้ เธอรับคำว่าได้ แล้วไม่ช่วยระงับ ไม่ขวนขวาย
เพื่อระงับ ภิกษุณีรูปนั้นจึงได้เล่าเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า แม่เจ้าถุลลนันทา อันภิกษุณีกล่าวขอร้องว่า ขอเชิญแม่เจ้าได้โปรดช่วย
ระงับอธิกรณ์นี้ ดังนี้ รับคำว่าได้ แล้วไฉนจึงไม่ช่วยระงับ ไม่ขวนขวายเพื่อ
จะระงับเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทารับปากคำภิกษุณีรูปหนึ่งว่าจะช่วยระงับอธิกรณ์ แล้ว
ไม่ช่วยระงับ ไม่ขวนขวายเพื่อจะระงับ จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณี
ถุลลนันทาอันภิกษุณีรูปหนึ่งกล่าวขอร้องว่า ขอเชิญแม่เจ้าช่วยระงับอธิกรณ์นี้
รับคำเขาแล้ว ไฉนจึงไม่ระงับ ไม่ขวนขวายเพื่อจะระงับ การกระทำของนาง
นั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .