เมนู

จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 3


เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์


[301] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ฉัพพัคคีย์ พากันกรอด้าย คนทั้งหลายเที่ยวชมวิหารพบเห็นแล้ว พากัน
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้กรอด้ายกัน เหมือน
สตรีชาวบ้านผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
ฉัพพัคคีย์จึงได้กรอด้ายกันเล่า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า ภิกษุณีฉัพพัคคีย์พากันกรอด้าย จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้กรอด้ายกัน การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้น แสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


98. 3. อนึ่ง ภิกษุใด กรอด้าย เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[302] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็น
ผู้ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า ด้าย ได้แก่ ด้าย 6 ชนิด คือ ด้ายทำด้วยเปลือกไม้ ทำ
ด้วยฝ้าย ทำด้วยไหม ทำด้วยขนสัตว์ ทำด้วยป่าน ทำด้วยสัมภาระเจือกัน.
บทว่า กรอ คือ กรอเอง เป็นทุกกฏในประโยค ม้วนไป ๆ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[303] กรอด้ายที่เขากรอไว้แล้ว 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่
ต้องอาบัติแล.
จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ 3 จบ