เมนู

พระบัญญัติ


57. 2. อนึ่ง ภิกษุณีใด ให้ถอนขนในที่แคบ เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[155] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่าผู้ใด คือ ผู้เช่นใด . . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า ที่แคบ ได้แก่ รักแร้ทั้งสอง บริเวณทวารเบา.
บทว่า ให้ถอน คือให้ถอนขนแม้เส้นเดียว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ให้
ถอนขนแม้หลายเส้น ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[156] มีเหตุอาพาธ 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
ลสุณวรรค สิกขาบทที่ 2 จบ

อรรถกถาลสุณวรรค สิกขาบทที่ 2


วินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 2 พึงทราบดังนี้;-
บทว่า สมฺพาเธ คือ โอกาสที่กำบัง. ก็เพื่อแสดงจำแนก โอกาส
ที่กำบัง (ที่ลับ) นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อุโภ อุปกจฺฉกา
มุตฺตกรณํ
แปลว่า รักแร้ทั้ง 2 บริเวณทวารเบา.

สองบทว่า เอกมฺปิ โลมํ มีความว่า ภิกษุณีให้ถอนขนเส้นเดียวหรือ
มากเส้น โดยประโยคเดียว ด้วยกรรไกรก็ดี ด้วยแหนบก็ดี ด้วยของคม
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี เป็นปาจิตตีย์มากตัว โดยการนับประโยค ไม่ใช่โดยนับ
เส้นขน.
บทว่า อาพาธปจฺจยา ได้แก่ ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุณีผู้ให้ถอน
เพราะอาพาธ มีฝีและหิดเป็นต้นเป็นปัจจัย. คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 4 เกิดขึ้น ทางกาย 1 ทางกายกับวาจา 1
ทางกายกับจิต 1 ทางกายวาจากับจิต 1 เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 ฉะนี้แล.
อรรถกถาลสุณวรรค สิกขาบทที่ 2 จบ

ลสุณวรรค สิกขาบทที่ 3


เรื่องภิกษุณี 2 รูป


[157] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
2 รูป อันความกระสันบีบคั้นแล้ว เข้าห้องน้อยแล้วทำการสัมผัสบริเวณองค์
รหัสกัน ภิกษุณีทั้งหลายพรูกันเข้ามาตามเสียงสัมผัสนั้น แล้วได้ถามสองภิกษุณี
นั้นดังนี้ว่า แม่เจ้าทั้งหลาย เหตุไฉนพวกท่านจึงทำมิดีมิร้ายกับบุรุษ.
แม่เจ้าทั้งหลาย พวกดิฉันมิได้ทำมิดีมิร้ายกับบุรุษ ภิกษุณีสองรูปนั้น
ตอบแล้วได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ทำการสัมผัสบริเวณองค์รหัสกันเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าพวกภิกษุณีทำการสัมผัสบริเวณองค์ระหัสกัน จริงหรือ.
ภิกษุณีทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวก
ภิกษุณีจึงได้ทำการสัมผัสบริเวณองค์รหัสกันเล่า การกระทำของพวกนางนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . .