เมนู

ไม่ต้องอาบัติ


มิใช่กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้ เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณี
สำคัญว่า เขามิได้ถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ไม่ต้องอาบัติ.

อนาปัตติวาร


[137] น้อมกัปปิยภัณฑ์ที่เหลือไป 1 ขออนุญาตจากเจ้าของแล้ว
น้อมไป 1 มีอันตราย 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
ปัตตวรรค สิกขาบทที่ 10 จบ

อรรถกถาปัตตวรรค สิกขาบทที่ 10


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 10 พึงทราบดังนี้ :-
สองบทว่า ปริเวณํ อุทฺทฺริยติ ได้แก่ บริเวณทรุดโทรม. ความว่า
กำลังจะพังลง. ก็คำนี้ว่า ที่เขาตั้งใจถวายบุคคล แต่ขอมาเป็นส่วนตัว เพียง
เท่านี้แหละทำให้ต่างกัน . บทที่เหลือก็เป็นเช่นกับบทต้น ๆ ทั้งนั้นแล.
อรรถกถาปัตตวรรค สิกขาบทที่ 10 จบ

จีวรวรรค สิกขาบทที่ 1


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[138] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็นผู้องอาจ สามารถกล่าวถ้อยคำมี
หลักฐาน ครั้นถึงฤดูหนาว พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะพักผ้ากัมพลมีค่ามาก
เสด็จเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทาแล้ว
ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุณีถุลลนันทาทูลชี้แจงธรรมีกถาถวาย
ให้ท้าวเธอทรงเห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ครั้นท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง
สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาของภิกษุณีถุลลนันทาเเล้ว ได้ทรง
ปวารณาภิกษุณีถุลลนันทาดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ขอท่านได้โปรดบอกสิ่งที่ต้อง
ประสงค์.
ภิกษุณีถุลลนันทาทูลว่า ขอถวายพระพร ถ้ามหาบพิตรมีพระราช-
ประสงค์จะพระราชทานแก่อาตมภาพไซร้ ขอได้โปรดพระราชทานผ้ากัมพลผืน
ที่ทรงนี้.
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายผ้ากัมพลแก่ภิกษุณีถุลลนันทา ในทันใด
นั้นแล แล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา กระทำ
ปทักษิณแล้วเสด็จกลับ.
คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านั้น
เป็นคนมักมาก ไม่สันโดษ ไฉนจึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า.