เมนู

ปัตตวรรค สิกขาบทที่ 5


เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา


[114] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
ถุลลนันทาอาพาธ จึงอุบายสกคนหนึ่งเข้าไปเยี่ยมภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก แล้ว
ได้ถามนางดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ร่างกายยังพอทนได้อยู่หรือ ยังพอให้อัตภาพ
เป็นไปได้อยู่หรือ.
นางตอบว่า อาวุโส ฉันทนไม่ไหว ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้.
อุบาสกนั้นปวารณาว่า ข้าแต่แม่เจ้า ข้าพเจ้าจะฝากกหาปณะไว้ที่ร้าน
ของชาวตลาดชื่อโน้น ท่านต้องการสิ่งใด พึงใช้ให้ใคร ๆ ไปนำสิ่งนั้นมา
จากร้านนั้น.
ภิกษุณีถุลลนันทาใช้สิกขมานารูปหนึ่งไปด้วยสั่งว่า แม่สิกขมานา เธอ
จงไปนำน้ำมันราคาหนึ่งกหาปณะ จากร้านของชาวตลาดชื่อโน้น.
นางสิกขมานานั้น จึงได้ไปนำน้ำมันราคาหนึ่งกหาปณะ จากร้านของ
ชาวตลาดนั้นมาถวายแก่ภิกษุณีถุลลนันทา.
ภิกษุณีถุลลนันทาพูดอย่างนี้ว่า แม่สิกขมานา ความต้องการของฉัน
ไม่ใช่น้ำมัน ฉันต้องการเนยใส.
นางสิกขมานานั้น จึงได้เดินกลับเข้าไปหาชาวตลาดนั้น แล้วบอกกะเขา
ดังนี้ว่า ไม่ถูกความประสงค์จ้ะ แม่เจ้าไม่ใช่ต้องการน้ำมัน ต้องการเนยใส
ขอท่านจงรับคืนน้ำมันของท่าน โปรดให้เนยใสแก่ดิฉัน.

ชาวตลาดตอบว่า นี่แน่ะแม่คุณ ถ้าพวกฉันจักรับคืนสิ่งของที่ขายไป
แล้วมาอีก เมื่อไรสินค้าของพวกฉันจึงจักขายได้ น้ำมันท่านซื้อไปด้วยราคา
น้ำมัน แล้วจงนำราคาค่าเนยใสมา จึงจักนำเนยใสไปได้.
ขณะนั้นแล นางสิกขมานาได้ยืนร้องไห้.
ภิกษุณีทั้งหลาย ได้ถามนางสิกขมานานั้น ดังนี้ว่า แน่ะ แม่สิกขมานา
เธอร้องไห้เพราะเหตุไร.
นางสิกขมานานั้น จึงได้แจ้งเรื่องนั้นให้ทราบ.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาสั่งให้จ่ายของอย่างหนึ่งได้แล้ว จึงได้สั่งให้จ่ายของอย่าง
อื่นอีกเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาสั่งให้จ่ายของอย่างหนึ่งได้แล้วสั่งไห้จ่ายของอย่างอื่นอีก
จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
ภิกษุณีถุลลนันทาสั่งให้จ่ายของอย่างหนึ่งได้แล้ว จึงได้สั่งให้จ่ายของอย่างอื่น
อีกเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง
ไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ว่าดังนี้:-