เมนู

ด้วยความไม่สุภาพ ด้วยความไม่อดกลั้น ด้วยความขู่เข็ญ แลเพราะ
ความที่พวกท่านเป็นคนอ่อนแอ อย่างนี้ว่าพี่น้องหญิงทั้งหลายแล อยู่
คลุกคลีกัน มีอาจาระทราม มีเกียรติศัพท์ไม่งาม มีอาชีวะไม่ชอบ
มักเบียดเบียนภิกษุณีสงฆ์ ชอบปกปิดโทษของพรรคพวกกัน แม่เจ้า
ทั้งหลายจงแยกกันอยู่เถิด สงฆ์ย่อมสรรเสริญความสงัดอย่างเดียว
แก่พี่น้องหญิงทั้งหลาย ดังนี้ แลภิกษุณีนั้น อันภิกษุณีทั้งหลายว่า
กล่าวอยู่อย่างนี้ ยังยกย่องอยู่อย่างนั้นเทียว ภิกษุณีนั้นอันภิกษุณี
ทั้งหลายพึงสวดสมนุกาสกว่าจะครบสามจบ เพื่อให้สละวัตถุนั้น
หากเธอถูกสวดสมนุกาสกว่าจะครบสามจบอยู่ สละวัตถุนั้นเสีย สละ
ได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี หากไม่สละ ภิกษุณีแม้นี้ก็ต้องธรรมคือ
สังฆาทิเสส ชื่อนิสสารณียะ มีอันให้ต้องอาบัติในเมื่อสวดสมนุภาส
ครบสามจบ.

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ

สิกขาบทวิภังค์


[86] บทว่า อนึ่ง . . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า กล่าวอย่างนี้ คือ กล่าวว่า แม่เจ้าทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
จงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าต่างคนต่างอยู่เลย ภิกษุณีแม้เหล่าอื่นที่มีอาจาระเช่นนี้
มีเกียรติศัพท์เช่นนี้ มีอาชีวะเช่นนี้ มักเบียดเบียนภิกษุณีสงฆ์เช่นนี้ ชอบปกปิด
โทษของพรรคพวกกันเช่นนี้ ก็ยังมีอยู่ในสงฆ์ สงฆ์ไม่ว่ากล่าวอะไรภิกษุณี
พวกนั้น สงฆ์ว่ากล่าวเฉพาะพวกท่านเท่านั้น.

บทว่า ด้วยความดูหมิ่น ได้แก่ การดูถูก.
บทว่า ด้วยความไม่สุภาพ ได้แก่ ความหยาบคาย.
บทว่า ด้วยความไม่อดกลั้น ได้แก่ การโกรธเคือง.
บทว่า ด้วยความขู่เข็ญ ได้แก่ ความไม่กำหราบ.
บทว่า เพราะความที่พวกท่านเป็นคนอ่อนแอ คือ มีพวกน้อย.
สงฆ์ว่ากล่าวอย่างนี้ว่า พี่น้องหญิงทั้งหลายแล อยู่คลุกคลีกัน มีอาจาระ
ทราม มีเกียรติศัพท์ไม่งาม มีอาชีวะไม่ชอบ มักเบียดเบียนภิกษุณีสงฆ์ ชอบ
ปกปิดโทษของพรรคพวกกัน แม่เจ้าทั้งหลายจงแยกกันอยู่เถิด สงฆ์ย่อม
สรรเสริญความสงัดอย่างเดียวแก่พี่น้องหญิงทั้งหลาย ดังนี้.
บทว่า ภิกษุณีนั้น ได้แก่ ภิกษุณีรูปที่มักกล่าวเช่นนี้.
บทว่า อันภิกษุณีทั้งหลาย ได้แก่ ภิกษุณีพวกอื่น คือ จำพวก
ที่ได้เห็นได้ทราบเหล่านั้นพึงกล่าวว่า แม่เจ้าอย่าได้กล่าวอย่างนี้ ว่า แม่เจ้า
ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าต่างคนต่างอยู่เลย. . . แม่เจ้า
ทั้งหลายจงแยกกันอยู่เถิด สงฆ์ย่อมสรรเสริญความสงัดอย่างเดียวแก่พี่น้องหญิง
ทั้งหลาย ดังนี้ พึงว่ากล่าวแม้ครั้งที่ 2 พึงว่ากล่าวแม้ครั้งที่ 3 หากนางสละได้
การสละได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี หากไม่สละ ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุณีทั้งหลาย
ทราบแล้วไม่ว่ากล่าว ก็ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุณีนั้นอันภิกษุณีทั้งหลาย พึงคุมตัวมาแม้สู่ท่ามกลางสงฆ์แล้ว
กล่าวว่า แม่เจ้า ท่านอย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า แม่เจ้าทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงอยู่
คลุกคลีกันเถิด อย่าต่างคนต่างอยู่เลย. . . แม่เจ้าทั้งหลายจงแยกกันอยู่เถิด สงฆ์
ย่อมสรรเสริญความสงัดอย่างเดียวแก่พี่น้องหญิงทั้งหลาย ดังนี้ พึงว่ากล่าวแม้
ครั้งที่ 2 พึงว่ากล่าวแม้ครั้งที่ 3 หากนางสละได้ การสละได้อย่างนี้ นั้น
เป็นการดี หากไม่สละ ต้องอาบัติทุกกฏ.

วิธีสวดสมนุภาส



[87] ภิกษุณีนั้น อันสงฆ์พึงสวดสมนุภาส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็แลสมนุภาสนั้น พึงสวดอย่างนี้.
ภิกษุณีผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถ-
กรรมวาจา ว่าดังนี้ :-

กรรมวาจาสมนุภาส


แม่เจ้า เจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุณีมีชื่อนี้ผู้นี้ ถูก
สงฆ์สวดสมนุภาสแล้วยังกล่าวกะภิกษุณีทั้งหลายอย่างนี้ว่า แม่เจ้า
ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าต่างคนต่างอยู่เลย
ภิกษุณีแม้เหล่าอื่นที่มีอาจาระเช่นนี้ มีเกียรติศัพท์เช่นนี้ มีอาชีวะ
เช่นนี้ มักเบียดเบียนภิกษุณีสงฆ์เช่นนี้ ชอบปกปิดโทษของพรรค-
พวกกันเช่นนี้ ก็ยังมีในหมู่สงฆ์ สงฆ์ไม่ว่ากล่าวอะไรภิกษุณีพวก
นั้น สงฆ์ว่ากล่าวเฉพาะพวกท่านด้วยความดูหมิ่น ด้วยความไม่สุภาพ
ด้วยความไม่อดกลั้น ด้วยความขู่เข็ญ แลเพราะความที่พวกท่าน
เป็นคนอ่อนแอ อย่างนี้ว่า พี่น้องหญิงทั้งหลายแล อยู่คลุกคลีกัน
มีอาจาระทราม มีเกียรติศัพท์ไม่งาม มีอาชีวะไม่ชอบ มักเบียดเบียน
ภิกษุณีสงฆ์ ชอบปกปิดโทษของพรรคพวกกัน แม่เจ้าทั้งหลายจง
แยกกันอยู่เถิด สงฆ์ย่อมสรรเสริญความสงัดอย่างเดียวแก่พี่น้องหญิง
ทั้งหลาย ดังนี้ นางยังไม่สละวัตถุนั้น ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์
ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสวดสมนุภาสภิกษุณีมีชื่อนี้ เพื่อให้สละวัตถุนั้น
นี่เป็นญัตติ

.