พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน
พวกเธอให้ฉันทะเพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว จึงได้ถึงความบ่นว่าในภายหลัง
เล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลือมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
126. 9. อนึ่ง ภิกษุใด ให้ฉันทะเพื่อกรรมอัน เป็นธรรม
แล้ว ถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง เป็นปาจิตตีย์ .
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ
สิกขาบทวิภังค์
[716] บทว่า อนึ่ง...ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด...
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ...นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
กรรมอันเป็นธรรม 4 อย่าง
ที่ชื่อว่า กรรมอันเป็นธรรม ได้แก่ อปโลกนกรรม 1 ญัตติกรรม 1
ญัตติทุติยกรรม 1 ญัตติจตุตถกรรม 1 ที่สงฆ์ทำแล้วตามธรรม ตามวินัย
ตามสัตถุศาสน์ นี้ชื่อว่ากรรมอันเป็นธรรม.
ภิกษุให้ฉันทะไปแล้ว บ่นว่า ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
[717] กรรมเป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมเป็นธรรม ให้ฉันทะ
ไปแล้ว บ่นว่า ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุสงสัยอยู่ ให้ฉันทะไปแล้ว บ่นว่า ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
กรรมเป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม ให้ฉันทะไปแล้ว
บ่นว่า ไม่ต้องอาบัติ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมเป็นธรรม . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุสงสัย. . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
กรรมไม่เป็นธรรม ภิกษุสำคัญว่ากรรมไม่เป็นธรรม. ..ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
[718] ภิกษุรู้อยู่ว่า สงฆ์ทำกรรมโดยไม่ถูกธรรม เป็นพวกหรือทำ
แก่ภิกษุมิใช่ผู้ควรแก่กรรม บ่นว่า 1 ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุอาทิกัมมิกะ 1
ไม่ต้องอาบัติแล.
สหธรรมิกวรรค สิกขาบทที่ 9 จบ
กัมมปฏิพาหนสิกขาบทที่ 9
วินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 9 พึงทราบดังนี้:-
ข้อว่า สเจ จ มยํ ชาเนยฺยาม แปลว่า ถ้าพวกเราพึงรู้ไซร้.
ส่วน จ อักษร เป็นเพียงนิบาตเท่านั้น.