เมนู

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวก
เธอจึงได้แกล้งก่อความรำคาญให้แก่ภิกษุทั้งหลายเล่า การกระทำของพวกเธอ
นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อม-
ใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่า

พระบัญญัติ


126. 7. อนึ่ง ภิกษุใด แถล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุด้วย
หมายว่า ด้วยเช่นนี้ ความไม่ผาสุกจักมีแก่เธอแม้ครู่หนึ่ง ทำความ
หมายอย่างนี้เท่านั้นแลให้เป็นปัจจัย หาใช่อย่างอื่นไม่ เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[708] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ. . .นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า แก่ภิกษุ คือ แก่ภิกษุรูปอื่น.
บทว่า แกล้ง คือ รู้อยู่ รู้ดีอยู่ จงใจ ตั้งใจ ละเมิด.
บทว่า ก่อความรำคาญ ความว่า ก่อความรำคาญเป็นต้นว่า
ชะรอยท่านมีอายุหย่อน 20 ฝน อุปสมบทแล้ว ชะรอยท่านบริโภคอาหารใน
เวลาวิกาลแล้ว ซะรอยท่านดื่มน้ำเมาแล้ว ชะรอยท่านนั่งในที่ลับกับมาตุคาม
แล้วดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

คำว่า ทำความหมายอย่างนี้เท่านั้นแลให้เป็นปัจจัย หาใช่
อย่างอื่นไม่ คือ ไม่มีเหตุอะไรอื่นที่จะก่อความรำคาญให้.

บทภาชนีย์


ติกปาจิตตีย์


[709] อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอุปสัมบัน แกล้งก่อความรำคาญ
ให้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อุปสัมบัน ภิกษุมีความสงสัย แกล้งก่อความรำคาญให้ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์.
อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน แกล้งก่อความรำคาญให้ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

จตุกทุกกฏ


ภิกษุแกล้งก่อความรำคาญให้แก่อนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน. . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุสงสัย. . .ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน. . . ต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร


[710] ภิกษุไม่ประสงค์จะก่อความรำคาญ พูดแนะนำว่า ชะรอย
ท่านจะมีอายุไม่ครบ 20 ฝนอุปสมบทแล้ว ชะรอยท่านจะบริโภคอาหารในเวลา
วิกาลแล้ว ชะรอยท่านจะดื่มน้ำเมาแล้ว ชะรอยท่านจะนั่งในที่ลับกับมาตุคาม
แล้ว ท่านจงรู้ไว้เถิดว่า ความรำคาญใจในภายหลังอย่าได้มีแก่ท่าน ดังนี้ 1
ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุอาทิกัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
สหธรรมิกวรรค สิกขาบทที่ 7 จบ