เมนู

อนาปัตติวาร


[638] ภิกษุไม่รู้ว่าน้ำมีตัวสัตว์ 1 ภิกษุรู้ว่าน้ำไม่มีตัวสัตว์ คือรู้ว่า
สัตว์จักไม่ตายเพราะการบริโภค ดังนี้ บริโภค 1 ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุ
อาทิกัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
สัปปาณกวรรค สิกขาบทที่ 2 จบ

สัปปาณกสิกขาบทที่ 2


ในสิกขาบทที่ 2 มีวินิจฉัยดังนี้ :-

[แก้อรรถว่าด้วยการบริโภคน้ำมีตัวสัตว์]


บทว่า สปฺปาณกํ ได้แก่ น้ำมีมีตัวสัตว์ด้วยจำพวกสัตว์เล็ก ๆ ซึ่งจะ
ตายเพราะการบริโภค. อธิบายว่า ก็ภิกษุรู้อยู่บริโภคนาเช่นนั้น ต้องปาจิตตีย์
ทุก ๆ ประโยค. เมื่อภิกษุดื่มน้ำแม้เต็มบาตร โดยประโยคเดียวไม่ขาดตอน
ก็เป็นอาบัติตัวเดียว. ภิกษุเอาน้ำเช่นนั้นแกว่งล้างบาตรมีอามิสก็ดี ทำบาตร
ข้าวต้มร้อนให้เย็นในน้ำเช่นนั้นก็ดี เอามือวัก หรือเอากระบวยตักน้ำนั้นอาบ
ก็ดี เป็นปาจิตตีย์ ทุก ๆ ประโยค.
แม้ภิกษุเข้าไปสู่สระพังน้ำก็ดี สระโบกขรณีก็ดี ให้คลื่นเกิดขึ้นเพื่อ
ต้องการให้น้ำทะลักออกภายนอก (เป็นปาจิตตีย์). พวกภิกษุเมื่อชำระสระพัง
หรือสระโบกขรณี พึงถ่ายเทน้ำที่ตักจากสระพังหรือจากสระโบกขรณีนั้นลงใน
น้ำเท่านั้น. เมื่อในที่ใกล้ไม่มีน้ำ พึงเทน้ำที่เป็นกัปปิยะ 8 หม้อ หรือ 10
หม้อลงในประเทศที่ขังน้ำได้ (แอ่งน้ำ) แล้วพึงเทลงในน้ำที่เป็นกัปปิยะซึ่งเท
ไว้นั้น . อย่าพึงเทน้ำลงบนหินอันร้อน ด้วยสำคัญว่า จักไหลกลับลงไปในน้ำ.

แต่จะรดให้หินเย็นด้วยน้ำที่เป็นกัปปิยะ ควรอยู่. บทที่เหลือในสิกขาบทนี้ตื้น
ทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฎฐาน 3 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 มีเวทนา 3 แล. แต่ในสิกขา-
บทนี้ บัณฑิตพึงทราบว่าเป็นปัณณัตติวัชชะ เพราะภิกษุแม้รู้ว่าน้ำมีตัวสัตว์
แล้วบริโภคด้วยสำคัญว่าเป็นน้ำ ดุจในการที่แม้รู้ว่าตั๊กแตนและสัตว์เล็กจะตก
ลงไปแล้ว ตามประทีปด้วยจิตบริสุทธิ์ ฉะนั้น ดังนี้แล
สัปปาณกสิกขาบทที่ 2 จบ

สัปปาณกวรรค สิกขาบทที่ 3


เรื่องพระฉัพพัคคีย์


[639] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น
พระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วทามธรรมเพื่อทำอีก ด้วยกล่าว
หาว่า กรรมไม่เป็นอันทำแล้ว. กรรมที่ทำแล้วไม่ดี กรรมต้องทำใหม่ กรรม
ไม่เป็นอันทำเสร็จแล้ว กรรมที่ทำเสร็จแล้วไม่ดี ต้องทำให้เสร็จใหม่ บรรดา
ภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระ-
ฉัพพัคคีย์รู้อยู่ จึงได้ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อทำใหม่เล่า แล้ว
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า . . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกเธอรู้อยู่ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อทำอีก จริงหรือ.
พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน
พวกเธอรู้อยู่ จึงได้ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อทำอีกเล่า การ
กระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .