เมนู

ปาจิตตีย์ วรรคที่ 7


สัปปาณกวรรค สิกขาบทที่ 1


เรื่องพระอุทายี


[631] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่าน
พระอุทายีเป็นผู้ชำนาญในการยิงธนู นกกาทั้งหลายไม่เป็นที่ชอบใจของท่านๆ
ได้ยิงมัน แล้วตัดศีรษะเสียบหลาวเรียงไว้เป็นลำดับ.
ภิกษุทั้งหลายถามอย่างนี้ว่า อาวุโส ใครฆ่านกกาเหล่านี้ .
พระอุทายีตอบว่า ผมเองขอรับ เพราะผมไม่ชอบนกกา.
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย .. . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนท่านพระอุทายีจึงได้แกล้งพรากสัตว์จากชีวิตเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่
พระผู้มีพระภาคเจ้า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าว
ว่า เธอแกล้งพรากสัตว์จากชีวิต จริงหรือ.
ท่านพระอุทายีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึง
ได้แกล้งพรากสัตว์จากชีวิตเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ

เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อม
ใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


110. 1. อนึ่ง ภิกษุใด เเกล้งพรากสัตว์จากชีวิต เป็น
ปาจิตตีย์.
เรื่องพระอุทายีจบ

สิกขาบทวิภังค์


[632] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด...
บุทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ...
นี้ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้ .
บทว่า แกล้ง คือ รู้อยู่ รู้ดีอยู่ ตั้งใจ พยายาม ละเมิด.
ทีชื่อว่า สัตว์ ตรัสหมายสัตว์ดิรัจฉาน.
บทว่า พราก. . .จากชีวิต ความว่า ตัดทอน บั่นทอน ซึ่งอินทรีย์
มีชีวิต ทำความสืบต่อให้กำเริบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บทภาชนีย์


[633] สัตว์มีชีวิต ภิกษุสำคัญว่าสัตว์มีชีวิต พรากจากชีวิต ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.
สัตว์มีชีวิต ภิกษุสงสัย พรากจากชีวิต ต้องอาบัติทุกกฏ.