เมนู

สโภชนสิกขาบทที่ 3


ในสิกขาบทที่ 3 มีวินิจฉัยดังนี้:-

[แก้อรรถบางปาฐะในปฐมบัญญัติแห่งสิกขาบท]


บทว่า สยนีฆเร แปลว่า ในเรือนนอน.
คำว่า ยโต อยฺยสฺส ภิกฺขา ทินฺนา แปลว่า เพราะข้าพเจ้าได้
ถวายภิกษาแล้ว. อธิบายว่า สิ่งใดอันผู้มาแล้วพึงได้, ท่านได้สิ่งนั้นแล้ว,
นิมนต์ท่านกลับไปเถิด,
บทว่า ปริยฏฺฐิโต คือ เป็นผู้อันราคะกลุ้มรุมแล้ว, ความว่า มี
ความประสงค์ในเมถุน.
บทว่า สโภชเน ได้แก่ สกุลที่เป็นไปกับด้วยคน 2 คน ชื่อว่า
สโภชนะ. ในสกุลมีคน 2 คนนั้น. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สโภชเน คือ
ในสกุลมีโภคะ. เพราะว่า สตรีเป็นโภคะของบุรุษ ผู้อันราคะกลุ้มรุมแล้ว
และบุรุษก็เป็นโภคะของสตรี (ผู้กลัดกลุ้มด้วยราคะ), ด้วยเหตุนั้นนั่นแล
ในบทภาชนะแห่งบทว่า สโภชเน นั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า มีสตรี
กับบุรุษ เป็นต้น.
สองบทว่า มหลฺลเก ฆเร คือ ในเรือนนอนหลังใหญ่.
สามบทว่า ปิฏฺฐิสงฆาฏสฺส หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา มีความว่า
ละหัตถบาสแห่งบานประตูห้องในเรือนนอนนั้น แล้วนั่ง ณ ที่ใกล้ภายในที่
นอน. ก็เรือนนอนเช่นนี้ มีในศาลา 4 มุขเป็นต้น. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ย่อมทรงแสดงการล้ำท่ามกลางด้วยคำนี้ว่า ปิฏฺฐิวํสํ อติกฺกมิตฺวา. เพราะ
เหตุนั้น บัณฑิตพึงทราบอาบัติ เพราะล้ำท่ามกลางแห่งเรือนนอนหลังเล็ก
ที่เขาสร้างไว้ อย่างใดอย่างหนึ่ง. บทที่เหลือในสิกขาบทนี้ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานดุจปฐมปาราชิก เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์
สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม อกุสลจิต มีเวทนา 2 ดังนี้แล.
สโภชนสิกขาบทที่ 3 จบ

อเจลกวรรค สิกขาบทที่ 4


เรื่องพระอุปนันทศากยบุตร


[539] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่าน
พระอุปนันทศากยบุตรไปสู่เรือนของสหายแล้วสำเร็จการนั่งในที่ลับ คือใน
อาสนะกำบังกับภรรยาของเขา จึงบุรุษสหายนั้นเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า
ไฉนพระคุณเจ้าอุปนันท์จึงได้สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบังกับ
ภรรยาของเขาเล่า
ภิกษุทั้งหลายได้ยินเขาเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้
มักน้อย...ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุปนันทศากยบุตร
จึงได้สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือในอาสนะกำบังกับมาตุคามเล่า แล้วกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระอุปนันท์ว่า ดูก่อนอุปนันท์
ข่าวว่า เธอสำเร็จการนั่งในที่ลับ คือในอาสนะกำบังกับมาตุคาม จริงหรือ.
ท่านพระอุปนันท์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึง
ได้สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือในอาสนะกำบังกับมาตุคามเล่า การกระทำของ
เธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความ
เลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .