เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้:-

พระอนุบัญญัติ


88. 9. ข. อนึ่ง ภิกษุใด มิใช่ผู้อาพาธ ขอโภชนะอัน
ประณีตเห็นปานนี้คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
ปลา เนื้อ นมสด นมส้ม เพื่อประโยชน์แก่ตนแล้วฉัน เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุอาพาธ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[518] คำว่า โภชนะอันประณีต ความว่า ที่ชื่อว่า เนยใส
ได้แก่ เนยใสที่ทำจาก น้ำนมโค น้ำนมแพะ น้ำนมกระบือ หรือจากน้ำนม
สัตว์ที่มีมังสะเป็นกัปปิยะ
ที่ชื่อว่า เนยข้น ได้แก่เนยข้นที่ทำจากน้ำนมสัตว์เหล่านั้น
ที่ชื่อว่า น้ำมัน ได้แก่น้ำมันอันสกัดออกจากเมล็ดงา จากเมล็ดพันธุ์
ผักกาด จากเมล็ดมะซาง จากเมล็ดละหุ่ง หรือจากเปลวสัตว์
ที่ชื่อว่า น้ำผึ้ง ได้แก่รสหวานที่แมลงผึ้งทำ
ที่ชื่อว่า น้ำอ้อย ได้แก่รสหวานที่เกิดจากอ้อย
ที่ชื่อว่า ปลา ท่านว่าได้แก่สัตว์ที่เที่ยวไปในน้ำ
ที่ชื่อว่า เนื้อ ได้แก่เนื้อของสัตว์บกที่มีมังสะเป็นกัปปิยะ
ที่ชื่อว่า นมสด ได้แก่น้ำนมโค น้ำนมแพะ น้ำนมกระบือ หรือ
น้ำนมของสัตว์ที่มีมังสะเป็นกัปปิยะ
ที่ชื่อว่า นมส้ม ได้แก่นมส้มที่ทำจากน้ำนมของสัตว์เหล่านั้นแหละ.

[519] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ...นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า โภชนะอันประณีตเห็นปานนั้น ได้แก่ โภชนะอันประณีต
มีสภาพดังกล่าวแล้ว
ที่ชื่อว่า มิใช่ผู้อาพาธ คือผู้ที่เว้น โภชนะอันประณีต ก็ยังผาสุก
ที่ชื่อว่า ผู้อาพาธ คือผู้ที่เว้น โภชนะอันประณีต ไม่ผาสุก
ภิกษุมิใช่ผู้อาพาธขอเพื่อประโยชน์แก่ตน เป็นทุกกฏในประโยคที่ขอ
ได้ของนั้นมา รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
ขณะกลืน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน.

บทภาชนีย์


ติกปาจิตตีย์

[520] มิใช่ผู้อาพาธ ภิกษุสำคัญว่ามิใช่ผู้อาพาธ ขอโภชนะอัน-
ประณีต เพื่อประโยชน์แก่ตนแล้วฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
มิใช่ผู้อาพาธ ภิกษุสงสัย ขอโภชนะอันประณีต เพื่อประโยชน์
แก่ตนแล้วฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
มิใช่ผู้อาพาธ ภิกษุสำคัญว่าอาพาธ ขอโภชนะอันประณีต เพื่อ
ประโยชน์แก่ตนแล้วฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุกะทุกกฏ
ผู้อาพาธ ภิกษุสำคัญว่ามิใช่ผู้อาพาธ. . . ต้องอาบัติทุกกฏ
ผู้อาพาธ ภิกษุสงสัย . . . ต้องอาบัติ ทุกกฏ