เมนู

โภชนวรรค สิกขาบทที่ 8


เรื่องพระเวฬัฏฐสีสเถระ


[512] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่าน
พระเวพัฏฐสีสะพระอุปัชฌายะของท่านพระอานนท์อยู่ในอาวาสป่า ท่านเที่ยว
บิณฑบาต ได้บิณฑบาตเป็นอันมาก แล้วเลือกนำแต่ข้าวสุกล้วน ๆ ไปสู่อาราม
ตากให้แห้งแล้วเก็บไว้ เมื่อใดต้องการอาหาร ก็แช่น้ำฉันเมื่อนั้น ต่อนาน ๆ
จึงเข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายถามท่านว่า อาวุโส ทำไมนาน ๆ ท่าน
จึงเข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต จึงท่านได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย
ถามว่า อาวุโส ก็ท่านฉันอาหารที่ทำการสั่งสมหรือ.
ท่านรับว่า อย่างนั้น อาวุโสทั้งหลาย.
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า
ไฉนท่านพระเวฬัฏฐสีสะจึงได้ฉันอาหารที่ทำการสั่งสมเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระเวฬัฏฐสีสะว่า ดูก่อนเวฬัฏฐ-
สีสะ ข่าวว่า เธอฉันอาหารที่ทำการสั่งสม จริงหรือ.
ท่านพระเวฬัฏฐสีสะทูลรับ ว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนเวฬัฏฐสีสะ ไฉนเธอ
จึงได้ฉันอาหารที่ทำการสั่งสมเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ

ความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่
เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ ขึ้นแสดงอย่างนั้น
ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


87. 8. อนึ่ง ภิกษุใดเคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี
ซึ่งของฉันก็ดี ที่ทำการสั่งสม เป็นปาจิตตีย์. . .
เรื่องพระเวฬัฏฐสีสเถระ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[513] บทว่า อนึ่ง . . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ. . .นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า ทำการสั่งสม คือรับประเคนในวันนี้ ขบฉันในวันอื่น.
ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว คือเว้นโภชนะ 5 ของเป็นยามกาลิก สัตตาหกาลิก
ยาวชีวิก นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว.
ที่ชื่อว่า ของฉัน ได้แก่โภชนะ 5 คือ ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง
ปลา เนื้อ.
ภิกษุรับประเคนไว้ด้วยตั้งใจว่า จักเคี้ยว จักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
ขณะกลืน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน.