เมนู

ครั้นแล้วภิกษุผู้เป็นเพื่อนได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุ
ผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนภิกษุจึงได้นำไปปวารณา
ภิกษุผู้ฉันเสร็จห้ามภัตแล้วด้วยโภชนะอันมิใช่เดนเล่า. . . แล้วกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ข่าวว่าเธอ
นำไปปวารณาภิกษุผู้ฉันเสร็จห้ามภัต แล้วด้วยโภชนะอันมิใช่เดนจริงหรือ.
ภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึง
ได้นำไปปวารณาภิกษุผู้ฉันเสร็จห้ามภัตแล้ว ด้วยโภชนะอันมิใช่เดนเล่า การ
กระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือ
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนั้น
ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


58. 6. อนึ่ง ภิกษุใดรู้อยู่ เพ่งจะหาโทษให้ นำไปปวารณา
ภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ด้วยของเคี้ยวก็ดี ด้วยของฉัน ก็ดี
อันมิใช่เดน บอกว่า นิมนต์เถิด ภิกษุ เคี้ยวก็ตาม ฉันก็ตาม
พอเธอฉันแล้ว เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุ 2 รูป จบ