เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์โดยอาการดุษณี ครั้นอาชีวกนั้น
ทราบการทรงรับนิมนต์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กลับไป
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ในคราวภัตของสมณะ เราอนุญาตให้ฉันเป็นหมู่ได้.
ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่า
ดังนี้:-

พระอนุบัญญัติ 7


81.2 ญ. เว้นไว้แต่สมัยเป็นปาจิตตีย์ ในเฉพาะฉันเป็น
หมู่ นี้สมัยในเรื่องนั้น คือ คราวอาพาธ คราวที่เป็นฤดูถวายจีวร
คราวที่ทำจีวร คราวที่เดินทางไกล คราวที่โดยสารเรือไป คราว
ประชุมใหญ่ คราวภัตของสมณะ นี้สมัยในเรื่องนั้น.
ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้.
เรื่องทรงอนุญาตให้ฉันเป็นหมู่ในคราวภัตของสมณะ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[483] ที่ชื่อว่า ฉันเป็นหมู่ คือ คราวที่มีภิกษุ 4 รูปอันเขา
นิมนต์ด้วยโภชนะ 5 อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วฉัน ในชื่อว่าฉันเป็นหมู่.
บทว่า เว้นไว้แต่สมัย คือ ยกเว้นสมัย
ที่ชื่อว่า คราวอาพาธ คือ โดยที่สุดแม้เท้าแตก ภิกษุคิดว่าเป็น
คราวอาพาธแล้วฉันได้

ที่ชื่อว่า คราวที่เป็นฤดูถวายจีวร คือ เมื่อกฐินยังไม่ได้กราน
กำหนดท้ายฤดูฝน 1 เดือน เมื่อกฐินกรานแล้ว 5 เดือน ภิกษุคิดว่าเป็นคราว
ที่เป็นฤดูถวายจีวร แล้วฉันได้.
ที่ชื่อว่า คราวที่ทำจีวร คือ เมื่อภิกษุกำลังทำจีวรกันอยู่ ภิกษุคิด
ว่าเป็นคราวที่ทำจีวร แล้วฉันได้
ที่ชื่อว่า คราวเดินทางไกล คือ ภิกษุคิดว่า จักเดินทางไปถึงกึ่ง
โยชน์ แล้วฉัน ได้ เมื่อจะไปก็ฉันได้ มาถึงแล้วก็ฉันได้.
ที่ชื่อว่า คราวโดยสารเรือไป คือ ภิกษุคิดว่า เราจักโดยสารเรือ
ไป แล้วฉันได้ เมื่อจะโดยสารไปก็ฉันได้ โดยสารกลับมาแล้วก็ฉันได้.
ที่ชื่อว่า คราวประชุมใหญ่ คือ คราวที่มีภิกษุ 2 - 3 รูปเที่ยว
บิณฑบาตพอเลี้ยงกัน แต่เมื่อมีรูปที่ 4 มารวมด้วย ไม่พอเลี้ยงกัน ภิกษุคิด
ว่าเป็นคราวประชุมใหญ่ แล้วฉันได้.
ที่ชื่อว่า คราวภัตของสมณะ คือ คราวที่มีผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งนับเนื่อง
ว่าเป็นนักบวชทำภัตตาหารถวาย ภิกษุคิดว่าเป็นคราวภัตของสมณะ แล้วฉันได้.
นอกจากสมัย ภิกษุรับว่า จักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ กลืนกิน ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน.

บทภาชนีย์


ติกปาจิตตีย์


[484] ฉัน เป็นหมู่ ภิกษุสำคัญว่าฉันเป็นหมู่ เว้นไว้แต่สมัย ฉัน
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ฉันเป็นหมู่ ภิกษุสงสัย เว้นไว้แต่สมัย ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.