เมนู

โอวาทวรรค สิกขาบทที่ 6


เรื่องพระอุทายี


[447] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่าน
พระอุทายีเป็นผู้สามารถทำจีวรกรรม ภิกษุณี รูปหนึ่งเข้าไปหาท่านแล้วพูดว่า
ดิฉันขอโอกาส เจ้าค่ะ ขอพระคุณเจ้าช่วยเย็บจีวรให้ดิฉันด้วย ฝ่ายท่านพระ
อุทายีเย็บจีวรให้นางแล้ว ทำการย้อมอย่างดี ทำบริกรรมเรียบร้อยแล้ว
เขียนรูปอัน วิจิตร ตามความติดเห็นไว้ในท่ามกลางแล้วพับเก็บไว้.
ครั้นภิกษุณีนั่นเข้าไปหาท่านพระอุทายีแล้วถามว่า จีวรนั้นเสร็จแล้ว
หรือยังเจ้าค่ะ.
พระอุทายีตอบว่า เสร็จแล้ว น้องหญิง เชิญนำจีวรผืนนี้ตามที่พับ
ไว้แล้วไปเก็บไว้ เมื่อไรภิกษุณีสงฆ์มารับโอวาท จึงต่อยห่มจีวรผืนนี้เดินตาม
มาเบื้องหลังภิกษุณีสงฆ์.
ฝ่ายภิกษุณีนั้นนำจีวรตามที่พับไว้นั้น ไปเก็บไว้ ถึงคราวที่ภิกษุณี-
สงฆ์มารับโอวาท จึงห่มจีวรผืนนั้น เดินตามมาเบื้องหลังภิกษุณีสงฆ์ ประชาชน
พากันเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ภิกษุณีพวกนี้หมดความเกรงกลัว เป็นคน
ชั่ว ไม่มียางอาย เขียนรูปอันวิจิตรตามความเห็นไว้ที่จีวรได้.
ภิกษุณีทั้งหลายถามว่า นี่ใครทำ.
ภิกษุณีนั้น ตอบว่า พระคุณเจ้าอุทายี.
ภิกษุณีทั้งหลายพูดว่า รูปอย่างนั้นไม่งาม แม้แก่พวกนักเลงที่หมด
ความเกรงกลัว ไม่มียางอาย ไฉนจะงามแก่พระคุณเจ้าอุทายีเล่า แล้วแจ้ง
เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย.

บรรดาภิกษุที่มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน
ท่านพระอุทายีจึงได้เย็บจีวรให้ภิกษุณีเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า . . .

ทรงสอบถามแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าวว่า
เธอเย็บจีวรให้ภิกษุณี จริงหรือ.
ท่านพระอุทายีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ ภิกษุณีนั้นเป็นญาติของเธอ หรือมิใช่ญาติ.
อุ. มิใช่ญาติ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนโมฆบุรุษ ภิกษุที่มิใช่ญาติ ย่อมไม่รู้การกระทำที่สมควร
หรือไม่สมควร อาการที่น่าเลื่อมใสหรือไม่น่าเลื่อมใส ของภิกษุณีที่มิใช่ญาติ
ไฉนเธอจึงได้เย็บจีวรให้ภิกษุณีที่มิใช่ญาติเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็น
ไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของ
ชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


75.6. อนึ่ง ภิกษุใด เย็บก็ดี ให้เย็บก็ดี ซึ่งจีวร เพื่อ
ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องพระอุทายี จบ