เมนู

บทภาชนีย์


ติกปาจิตตีย์


[427] พระอาทิตย์อัสดงแล้ว ภิกษุสำคัญว่า อัสดงแล้ว กล่าว
สอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระอาทิตย์อัสดงแล้ว ภิกษุสงสัย กล่าวสอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พระอาทิตย์อัสดงแล้ว ภิกษุสำคัญว่ายังไม่อัสดง กล่าวสอน ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.

ติกทุกกฏ


ภิกษุสั่งสอนภิกษุณีผู้อุปสมบทในสงฆ์ฝ่ายเดียว ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระอาทิทย์ยังไม่อัสดง ภิกษุสำคัญว่าอัสดงแล้ว กล่าวสอน ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
พระอาทิตย์ยังไม่อัสดง ภิกษุสงสัย กล่าวสอน ต้องอาบัติทุกกฏ.

ไม่ต้องอาบัติ


พระอาทิตย์ยังไม่อัสดง ภิกษุสำคัญว่ายังไม่อัสดง กล่าวสอน ไม่
ต้องอาบัติ.

อนาปัตติวาร


[428] ภิกษุให้อุเทศ 1 ภิกษุให้ปริปุจฉา 1 ภิกษุอันภิกษุณีกล่าว
ว่า นิมนต์ท่านสวดเถิด เจ้าข้า ดังนี้ สวดอยู่ 1 ภิกษุถามปัญหา 1 ภิกษุ
ถูกถามปัญหาแล้วแก้ 1 ภิกษุกล่าวสอนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นอยู่ แต่พวก
ภิกษุณีฟังอยู่ด้วย 1 ภิกษุกล่าวสอนสิกขมานา 1 ภิกษุกล่าวสอนสามเณรี 1
ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุอาทิกัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
โอวาทวรรคสิกขาบทที่ 2 จบ

ภิกขุนีวรรค อัตถังคตสิกขาบทที่ 2


พึงทราบวินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 2 ดังต่อไปนี้.

[แก้อรรถคาถาของพระจูฬบันถกเถระ]


บทว่า ปริยาเยน คือ ตามวาระ ความว่า ตามลำดับ.
บทว่า อธิเจตโส คือ ผู้มีอธิจิต อธิบายว่า ผู้ประกอบด้วยจิตที่
ยิ่งกว่าจิตทั้งหมด คือ อรหัตผลจิต.
บทว่า อปฺปมฺชฺชโต คือ ผู้ไม่ประมาท. มีคำอธิบายว่า ผู้ประกอบ
ด้วยการบำเพ็ญกุศลธรรมติดต่อกัน ด้วยความไม่ประมาท.
บทว่า มุนิโน มีความว่า ญาณ ตรัสเรียกว่า โมนะ เพราะรู้โลกทั้ง
2 อย่างนี้ว่า ผู้ใด ย่อมรู้โลกทั้ง 2 ผู้นั้น เราเรียกว่า มุนี เพราะเหตุนั้น
หรือ พระขีณาสพ ตรัสเรียกชื่อว่า มุนี เพราะประกอบด้วยญาณนั้น แก่
มุนีนั้น.
สองบทว่า โมนปเถสุ สิกฺขโต มีความว่า ผู้ศึกษาอยู่ในทางแห่ง
ญาณชื่อโมนะ กล่าวคือ อรหัตมรรคญาณ คือ ในโพธิปักขิยธรรม 37
หรือ ในไตรสิกขา. ก็คำนี้พระผู้มีพระภาคตรัสหมายเอาปฏิปทาเป็นต้นส่วนเบื้อง
ต้น . เพราะฉะนั้น ผู้ศึกษาพึงเห็นใจความในคำว่า มุนิโน โมนปเถสุ
สิกฺขโต
นี้ อย่างนี้ว่า แก่มุนีผู้ศึกษาอยู่ในธรรมเป็นต้นส่วนเบื้องต้น อย่างนี้
บรรลุความเป็นมุนีด้วยการศึกษานี้.
บทพระคาถาว่า โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน มีความว่า ความโศก
ทั้งหลาย เพราะเรื่องมีการพลัดพรากจากอิฏฐารมณ์เป็นต้น ในภายใน (ในจิต)
ย่อมไม่มีแก่พระขีณาสวมุนีผู้คงที่. อีกอย่างหนึ่ง ในบทว่า ตาทิโน นี้ มี