เมนู

ปัจจรีกล่าวว่า พึงไปถามในดิถีที่ 13 ค่ำแห่งปักษ์นั่นแลว่า อุโบสถนี้ 14 ค่ำ
หรือ 15 ค่ำ. ในวันอุโบสถ พึงเข้าไปเพื่อประโยชน์แก่โอวาท ก็ตั้งแต่วัน
แรมค่ำ 1 ไป พึงไปเพื่อประโยชน์แก่การฟังธรรม. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ทรงประทานโอกาสแก่กรรมอื่น ทรงบัญญัติการไปติดต่อกันในสำนักของ
ภิกษุทั้งหลายเท่านั้น แก่พวกภิกษุณีด้วยประการอย่างนั้น. เพราะเหตุไร ? เพราะ
มาตุคามมีปัญญาน้อย. จริงอยู่ มาตุคามมีปัญญาน้อย การฟังธรรมเป็นนิตย์
มีอุปการะมากแก่เธอ (แก่มาตุคามนั้น ). และเมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุณีทั้งหลาย
จักไม่กระทำมานะว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ย่อมรู้ธรรมที่พวกเรารู้อยู่เท่านั้น
แล้วจักเข้าไปนั่งใกล้ภิกษุสงฆ์ กระทำการบรรพชาให้มีประโยชน์. เพราะ
เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ทรงทำ (การบัญญัติ) อย่างนั้น . ฝ่ายภิกษุณี
ทั้งหลาย สำคัญว่า เราทั้งหลายจักปฏิบัติตามที่ทรงพร่ำสอน จึงเข้าไปยังวิหาร
ไม่ขาดทั้งหมดทีเดียว.

[ว่าด้วยภิกษุณีสงฆ์เข้าไปหาภิกษุสงฆ์เพื่อรับโอวาท]


สมจริงดังคำที่พระธรรมสังคาหกาจารย์กล่าวไว้ว่า ก็โดยสมัยนั่นแล
ภิกษุณีสงฆ์ทั้งหมด ย่อมไปรับโอวาท. พวกมนุษย์ย่อมโพนทะนา ติเตียน
ยกโทษว่า ภิกษุณีเหล่านี้ เป็นเมียของภิกษุพวกนี้, เหล่านี้ เป็นชู้สาวของภิกษุ
เหล่านั้น, บัดนี้ ภิกษุเหล่านี้จักอภิรมย์กับภิกษุณีเหล่านี้ ดังนี้. ภิกษุทั้งหลาย
จึงกราบทูลเรื่องนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุณีสงฆ์ ไม่พึงไปรับโอวาททั้งหมด ถ้าไปรับ (ทั้งหมด)
ต้องทุกกฏ, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราอนุญาตให้ภิกษุณี 4 - 5 รูปไปรับโอวาท
ดังนี้. ถึงอย่างนั้น พวกชาวบ้านก็โพนทะนาอีกเหมือนกัน. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสอีกว่า ภิกษุทั้งหลาย ! เราอนุญาตให้ภิกษุณี 2-3 รูปไปรับโอวาท
ดังนี้.