เมนู

ก็สิกขาบทนี้ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติ แก่ภิกษุ-
ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้
เรื่องอุบาสิกา จบ

เรื่องพระฉัพพัคคีย์


[300] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงอนุญาตให้แสดงธรรมแก่มาตุคามได้เพียง 5-6 คำ จึงให้บุรุษผู้ไม่รู้เดียงสา
นั่งใกล้ ๆ แล้วแสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน 5-6 คำ บรรดาภิกษุที่มักน้อย
สันโดษมีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้ให้บุรุษผู้ไม่รู้เดียงสานั่งใกล้ ๆ แล้ว
แสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน 5-6 คำเล่า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกเธอให้บุรุษผู้ไม่รู้เดียงสานั่งใกล้ ๆ แล้ว แสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน
5-6 คำ จริงหรือ.
พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน
พวกเธอจึงได้ให้บุรุษผู้ไม่รู้เดียงสานั่งใกล้ ๆ แล้วแสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน
5-6 คำเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน
ที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้.

พระอนุบัญญัติ


56. 7. ค. อนึ่ง ภิกษุใดแสดงธรรมแก่มาตุคามยิ่งกว่า
5-6 คำ เว้นไว้แต่มีบุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่ เป็นปาจิตตย์.

เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[301] บทว่า อนึ่ง ..ใด ความว่า ผู้ใด คือผู้เช่นใด.
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ. ..นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้
ที่ชื่อว่า มาตุคาม ได้แก่หญิงมนุษย์ ไม่ใช่หญิงยักษ์ ไม่ใช่หญิงเปรต
ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย เป็นผู้รู้เดียงสา สามารถทราบถ้อยคำที่เป็นสุภาษิต
ทุพภาษิต ชั่วหยาบและสุภาพ.
บทว่า ยิ่งกว่า 5-6 คำ คือ เกินกว่า 5-6 คำ
ที่ชื่อว่า ธรรม ได้แก่ถ้อยคำที่เป็นพุทธภาษิต สาวกภาษิต อิสิภาษิต
เทวตาภาษิต ซึ่งประกอบด้วยอรรถ ประกอบด้วยธรรม.
บทว่า แสดง คือ แสดงโดยบท ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ บท
แสดงโดยอักขระ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ อักขระ
คำว่า เว้นไว้แต่มีบุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่ คือ ยกไว้แต่บุรุษผู้รู้ความ
อยู่ด้วย