เมนู

ภิกษุทั้งหลายได้ยินสตรีทั้งสองนั้นเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาอยู่ บรรดา
ที่เป็นผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุทายีจึงได้แสดงธรรมแก่
มาตุคามเล่า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าวว่า
เธอแสดงธรรมแก่มาตุคาม จริงหรือ.
ท่านพระอุทายีรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึง
ได้แสดงธรรมแก่มาตุคามเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่
เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้

พระบัญญัติ


56.7. ก. อนึ่ง ภิกษุใดแสดงธรรมแก่มาตุคาม เป็น
ปาจิตตีย์.
ก็สิกขาบทนี้ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้ว แก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้ .
เรื่องพระอุทายี จบ

เรื่องอุบาสิกา


[299] ก็โดยสมัยนั้นแล พวกอุบาสิกาพบภิกษุทั้งหลาย แล้วได้
กล่าวนิมนต์ว่า ข้าแด่พระคุณเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาพระคุณเจ้าแสดงธรรม.
ภิกษุเหล่านั้นตอบปฏิเสธว่า ดูก่อนน้องหญิง การแสดงธรรมแก่
มาตุคามไม่ควร.
พวกอุบาสิกาอ้อนวอนว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนา .
แสดงธรรมเพียง 5-6 คำ พวกข้าพเจ้าก็สามารถจะรู้ทั่วถึงธรรม แม้ด้วย
ถ้อยคำเพียงเท่านี้.
ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า ดูก่อนน้องหญิง การแสดงธรรมแก่มาตุคาม
ไม่ควร ดังนี้แล้ว รังเกียจ ไม่แสดงธรรม.
พวกอุบาสิกาต่างพากันเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนพระคุณเจ้า
ทั้งหลาย อันเราอาราธนาอยู่ จึงไม่แสดงธรรมเล่า.
ภิกษุทั้งหลายได้ยินอุบาสิกาพวกนั้นเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาอยู่ จึง
กราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุ
เป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้แสดงธรรมแก่มาตุคามได้เพียง 5-6 คำ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้

พระอนุบัญญัติ


56. 7. ข. อนึ่ง ภิกษุใดแสดงธรรมแก่มาตุคาม ยิ่งกว่า
5-6 คำ เป็นปาจิตตีย์.