เมนู

ขอพระคุณเจ้าจงจำดิฉันนี้ว่าเป็นอุบาสิกาผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้
เป็นต้นไป ต่อจากนั้น ท่านพระอนุรุทธะเดินทางไปถึงพระนครสาวัตถีแล้ว
ได้แจ้งความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย
มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขาบท ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน
ท่านพระอนุรุทธะจึงได้สำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคามเล่า ครั้นแล้วภิกษุ
เหล่านั้นได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า . . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามท่านพระอนุรุทธะว่า ดูก่อนอนุรุทธะ
ข่าวว่า เธอสำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคาม จริงหรือ.
ท่านพระอนุรุทธะทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนอนุรุทธะ ไฉนเธอจึง
ได้สำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคามเล่า การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใส
แล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนั้น
ว่าดังนี้

พระบัญญัติ


55.6. อนึ่ง ภิกษุใดสำเร็จการนอนร่วมกับ มาตุคาม เป็น
ปาจิตตีย์
เรื่องพระอนุรุทธเถระ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[295] บทว่า อนึ่ง .. ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด.. .
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้
ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า มาตุคาม ได้แก่หญิงมนุษย์ ไม่ใช่หญิงยักษ์ ไม่ใช่หญิงเปรต
ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัว เมีย โดยที่สุดแม้เด็กหญิงที่เกิดในวันนั้น ไม่ต้องกล่าว
ถึงสตรีผู้ใหญ่.
บทว่า ร่วม คือ ด้วยกัน.
ที่ชื่อว่า การนอน ได้แก่ ภูมิสถานเป็นที่นอน อันเขามุงทั้งหมด
บังทั้งหมด มุงโดยมาก บังโดยมาก.
คำว่า สำเร็จการนอน ความว่า เมื่อพระอาทิตย์อัสดงคตแล้ว
มาตุคามนอนแล้ว ภิกษุนอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ภิกษุนอนแล้ว มาตุคามนอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
หรือนอนทั้งสอง ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ลุกขึ้นแล้ว กลับนอนอีก ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บทภาชนีย์


ติกปาจิตตีย์


[296] มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่ามาตุคาม สำเร็จการนอนร่วม ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์.
มาคุคาม ภิกษุสงสัย สำเร็จการนอนร่วม ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
มาตุคาม ภิกษุสำคัญว่ามิใช่มาตุคาม สำเร็จการนอนร่วม ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์.