เมนู

มุขปุญฉนโจล (ผ้าเช็ดหน้า) ไม่อนุญาตให้วิกัป, อนุญาตให้อธิษฐาน
บริขารโจล ไม่อนุญาตให้วิกัป* ดังนี้.

[ว่าด้วยการอธิษฐานไตรจีวรเป็นต้น]


บรรดาจีวรเป็นต้นเหล่านั้น อันภิกษุเมื่อจะอธิษฐานไตรจีวรย้อม
แล้วให้กัปปะพินทุ พึงอธิษฐานจีวรที่ได้ประมาณเท่านั้น. ประมาณแห่ง
จีวรนั้น โดยกำหนดอย่างสูง หย่อนกว่าสุคตจีวร (จีวรของพระสุคต)
จึงควร และโดยกำหนดอย่างต่ำ ประมาณแห่งสังฆาฏิ และอุตราสงค์
ด้านยาว 5 ศอกกำ ด้านกว้าง 3 ศอกกำ จึงควร. อันตรวาสก ด้าน
ยาว 5 ศอกกำ ด้านกว้าง แม้ 2 ศอก ก็ควร. เพราะอาจเพื่อจะปกปิด
สะดือด้วยผ้านุ่งบ้าง ผ้าห่มบ้างแล. ก็จีวรที่เกินและหย่อนกว่าประมาณ
ดังกล่าวแล้ว พึงอธิษฐานว่า บริขารโจล.
ในวิสัยแห่งการอธิษฐานจีวรนั้น ท่านกล่าวไว้ว่า การอธิษฐาน
จีวร มี 2 อย่าง คืออธิษฐานด้วยกายอย่างหนึ่ง อธิษฐานด้วยวาจาอย่าง
หนึ่ง; ฉะนั้น ภิกษุพึงถอนสังฆาฎิผืนเก่าว่า อิมํ สงฺฆาฏึ ปจฺจุทฺธรามิ (เรา
ถอนสังฆาฎิผืนนี้) แล้วเอามือจับสังฆาฎิใหม่ หรือพาดบนส่วนแห่งร่างกาย
กระทำการผูกใจว่า อิมํ สงฺฆาฏึ อธิฏฺฐามิ (เราอธิษฐานสังฆาฎินี้) แล้ว
พึงทำกายวิการ อธิษฐานด้วยกาย นี้ ชื่อว่า การอธิษฐานด้วยกาย
เมื่อไม่ถูกต้องจีวรนั้นด้วยส่วนแห่งร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง การอธิษฐาน
นั้น ไม่ควร.
ส่วนในการอธิษฐานด้วยวาจา พึงเปล่งวาจาแล้วอธิษฐานด้วย
* วิ. มหา. 5/218-219.

วาจา ในการอธิษฐานด้วยวาจานั้น มีการอธิษฐาน 2 วิธี. ถ้าผ้าสังฆาฏิ
อยู่ในหัตถบาส พึงเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าอธิษฐานสังฆาฎิผืนนี้. ถ้าอยู่
ภายในห้อง ในปราสาทชั้นบน หรือในวัดใกล้เคียง พึงกำหนดที่เก็บ
สังฆาฎิไว้แล้วเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าอธิษฐานสังฆาฎินั่น. ในอุตราสงค์
และอันตรวาสก ก็มีนัยอย่างนี้. จริงอยู่ เพียงแต่ชื่อเท่านั้นที่แปลกกัน.
เพราะฉะนั้น พึงอธิษฐานจีวรทั้งหมดโดยชื่อของตนเท่านั้น อย่างนี้ว่า
สงฺฆาฎึ อุตฺตราสงฺคํ อนฺตรวาสกํ ดังนี้.
ถ้าภิกษุกระทำจีวรมีสังฆาฎิเป็นต้นด้วยผ้าที่อธิษฐานเก็บไว้ เมื่อ
ย้อมและกัปปะเสร็จแล้วพึงถอนว่า ข้าพเจ้าถอนผ้านี้ แล้วอธิษฐานใหม่.
แต่เมื่อเย็บแผ่นผ้าใหม่ หรือขัณฑ์ใหม่เฉพาะที่ใหญ่กว่าเข้ากับจีวรที่อธิษ-
ฐานแล้ว ควรอธิษฐานใหม่. ในแผ่นผ้าที่เท่ากันหรือเล็กว่า ไม่มีกิจ
ด้วยการอธิษฐาน (ใหม่).
ถามว่า ก็ไตรจีวรจะอธิษฐานเป็นบริขารโจล ควรหรือไม่ควร ?
แก้ว่า ได้ทราบว่า พระมหาปทุมเถระกล่าวว่า ไตรจีวรพึง
อธิษฐานเป็นไตรจีวรอย่างเดียว, ถ้าว่า อธิษฐานเป็นบริขารโจลได้,
การบริหารที่ตรัสไว้ในอุทโทสิตสิกขาบท ก็จะพึงไร้ประโยชน์ไป. ได้ยิน
ว่า เมื่อพระมหาปทุมเถระกล่าวอย่างนี้ พวกภิกษุที่เหลือกล่าวว่า แม้
บริขารโจล พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า พึงอธิษฐาน; เพราะเหตุนั้น
การอธิษฐานไตรจีวรให้เป็นบริขารโจล ย่อมสมควร.
แม้ในมหาปัจจรี ท่านก็กล่าวว่า ชื่อว่า บริขารโจลนี้เป็นเหตุแห่ง
การเก็บ (จีวรโดยความไม่เป็นนิสสัคคีย์) ไว้แผนกหนึ่ง. จะอธิษฐาน

ไตรจีวรว่า บริขารโจล แล้วใช้สอย ควรอยู่. ส่วนในอุทโทสิตสิกขาบท
ตรัสการบริหารไว้สำหรับภิกษุผู้อธิษฐานไตรจีวรแล้วบริหารอยู่.
ได้ยินว่า แม้พระมหาติสสเถระผู้กล่าวอุภโตวิภังค์ ซึ่งอยู่ที่ปุณณ-
วาลิการามได้กล่าวว่า ในกาลก่อน พวกเราได้ฟังจากพระมหาเถระว่า
พวกภิกษุผู้ชอบอยู่ในป่าเก็บจีวรไว้ในโพรงไม้เป็นต้น ไปเพื่อต้องการจะ
เริ่มบำเพ็ญเพียร, และเมื่อภิกษุเหล่านั้นไปเพื่อประสงค์จะฟังธรรมในวัด
ใกล้เคียง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกสามเณร หรือพวกภิกษุหนุ่มจึง
ถือบาตรจีวรมา (ให้); เพราะฉะนั้น การจะอธิษฐานไตรจีวรเป็นบริขาร-
โจล เพื่อใช้สอยสะดวก ควรอยู่.
แม้ในมหาปัจจรีท่านก็กล่าวว่า ในกาลก่อน พวกภิกษุผู้อยู่ป่าได้
อธิษฐานไตรจีวรเป็นบริขารโจลนั่นแล แล้วใช้สอย ด้วยใส่ใจว่า ใน
แดนที่ไม่ผูกสีมารักษาได้ยาก.
วัสสิกสาฏกที่ไม่เกินประมาณ อันภิกษุพึงระบุชื่อแล้วอธิษฐาน
สิ้น 4 เดือนฤดูฝนโดยนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล, ต่อจากนั้นพึงถอนวิกัปไว้.
ก็วัสสิกสาฎกนี้ แม้ย้อมพอทำให้เสียสี ก็ควร. แต่สองผืนไม่ควร.
ผ้านิสีทนะพึงอธิษฐานโดยนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล. ก็แลผ้านิสีทนะ
นั้น ได้ประมาณ มีได้เพียงผืนเดียวเท่านั้น. สองผืนไม่ควร.
แม้ผ้าปูนอนก็ควรอธิษฐานเหมือนกัน. ก็ผ้าปูนอนนั้น ถึงใหญ่
ก็ควร แม้ผืนเดียวก็ควร แม้มากผืนก็ควร. มีลักษณะเป็นต้นว่า สีเขียว
ก็ดี สีเหลืองก็ดี มีชายก็ดี มีชายเป็นลายดอกไม้ก็ดี ย่อมควรทุกประการ.
ภิกษุอธิษฐานคราวเดียว ย่อมเป็นอันอธิษฐานแล้วทีเดียว.

ผ้าปิดฝีได้ประมาณพึงอธิษฐานชั่วเวลาที่ยังมีอาพาธอยู่, เมื่ออาพาธ
หายแล้ว พึงปัจจุทธรณ์วิกัปไว้. ผืนเดียวเท่านั้น จึงควร.
ผ้าเช็ดหน้า พึงอธิษฐานเหมือนกัน. ภิกษุจำต้องปรารถนาผืนอื่น
เพื่อต้องการใช้เวลาที่ยังซักอีกผืนหนึ่งอยู่, เพราะฉะนั้น สองผืนก็ควร.
แต่พระเถระอีกพวกหนึ่งกล่าวว่า การอธิษฐานผ้าเช็ดหน้านั้น มุ่งการ
เก็บไว้เป็นสำคัญ แม้มากผืนก็ควร.
ในบริขารโจล ชื่อว่าการนับจำนวนไม่มี, พึงอธิษฐานได้เท่า
จำนวนที่ต้องการนั่นเทียว. ถุงย่ามก็ดี ผ้ากรองน้ำก็ดี มีประมาณเท่าจีวร
ที่ควรวิกัปเป็นอย่างต่ำ พึงอธิษฐานว่า บริขารโจล เหมือนกัน. แม้จะ
รวมจีวรมากผืนเข้าด้วยกันแล้วอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าอธิษฐานจีวรเหล่านี้
เป็นบริขารโจล ดังนี้ ก็สมควรเหมือนกัน. แม้ภิกษุจะเก็บไว้เพื่อประโยชน์
แก่เภสัช นวกรรมและมารดาบิดาเป็นต้น ก็จำต้องอธิษฐานแท้. แต่ใน
มหาปัจจรีท่านกล่าวว่า ไม่เป็นอาบัติ.
ส่วนในเสนาสนบริขารเหล่านี้ คือ ฟูกเตียง 1 ฟูกตั่ง 1 หมอน 1
ผ้าปาวาร 1 ผ้าโกเชาว์ 1 และในเครื่องปูลาดที่เขาถวายไว้เพื่อประโยชน์
แก่เสนาสนบริขาร ไม่มีกิจที่ต้องอธิษฐานเลย.

[ว่าด้วยเหตุให้ขาดอธิษฐาน]


ถามว่า ก็จีวรที่อธิฐานแล้ว เมื่อภิกษุใช้สอยอยู่ จะละอธิษฐาน
ไปด้วยเหตุอย่างไร ?
ตอบว่า ย่อมละด้วยเหตุ 9 อย่างนี้ คือ ด้วยให้บุคคลอื่น 1
ด้วยถูกชิงเอาไป 1 ด้วยถือเอาโดยวิสาสะ 1 ด้วยหันไปเป็นคนเลว 1