เมนู

[เรื่องภิกษุทำยาให้หญิงมีครรภ์กับชู้ตกไปเป็นต้น]


ในเรื่องหญิงมีครรภ์กับชู้

มีวินิจฉัยดังนี้:- บทว่า ปวุฏฺฐปติกา
แปลว่า หญิงผู้มีสามีหย่าร้างไปนานแล้ว. บทว่า คพฺภปาตนํ ได้แก่ เภสัช
เช่นกับขนานที่หญิงบริโภคแล้ว เป็นเหตุให้ครรภ์ตกไป. เรื่องหญิงร่วมผัว
2 คน มีเนื้อความชัดเจนแล้วแล.
ในเรื่องรีดลูก มีวินิจฉัยดังนี้:- หญิงมีครรภ์นั้น เมื่อภิกษุบอกว่า
จงรีดให้ตกไปเองเถิด วานให้ผู้อื่นรีด ทำให้ตกไป; เป็นผิดความมุ่งหมาย
แม้เมื่อภิกษุบอกว่า จงวานผู้อื่นรีดทำให้ตกไปเถิด แต่นางรีดทำให้ตกไปเสีย
เอง; เป็นผิดความมุ่งหมายเหมือนกัน. ชื่อว่าปริยาย ในมนุสสวิคคหะ
ย่อมไม่มี; เพราะเหตุนั้น เมื่อภิกษุพูดว่า ขึ้นชื่อว่าครรภ์ถูกรีดแล้ว จะตก
ไปเอง, หญิงมีครรภ์นั้น จงรีดเองหรือจงวานให้ผู้อื่นรีดให้ตกไปก็ตาม, ไม่มี
ความลักลั่น เป็นปาราชิกทีเดียว. แม้ในเรื่องนาบครรภ์ให้ร้อนก็นัยนี้เหมือน
กัน.

[เรื่องภิกษุทำยาให้หญิงหมันมีบุตรตาย]


ในเรื่องหญิงหมัน

มีวินิจฉัยดังนี้:- หญิงผู้ไม่ตั้งครรภ์ ชื่อว่า
หญิงหมัน. ธรรมดาหญิงไม่ตั้งครรภ์ ย่อมไม่มี แต่ว่าครรภ์แม้ที่หญิงคนใด
ตั้งขึ้นแล้ว ไม่ดำรงอยู่, ข้อนี้ ท่านกล่าวหมายเอาหญิงนั้น. ได้ยินว่า ใน
คราวมีระดู หญิงทุกจำพวก ย่อมตั้งครรภ์, แต่อกุศลวิบากมาประจวบเข้า
แก่พวกสัตว์ผู้เกิดในท้องของหญิงที่เรียกกันว่า เป็นหมัน นี้. สัตว์เหล่านั้น
ถือปฏิสนธิมาด้วยกุศลวิบากเพียงเล็กน้อย ถูกอกุศลวิบากครอบงำจึงพินาศไป.
จริงอยู่ ในขณะปฏิสนธิใหม่ ๆ นั่นเอง ครรภ์ทั้งอยู่ไม่ได้ ด้วยอาการ 2 อย่าง
คือด้วยลม หรือสัตว์เล็ก ๆ เพราะกรรมานุภาพ ลมพัด (ครรภ์) ให้แห้งแล้ว

ทำให้อันตรธานไป. สัตว์เล็ก ๆ ทั้งหลาย กัดกิน (ครรภ์ ทำให้อันตรธาน
ไป). แต่เมื่อแพทย์ประกอบเภสัช เพื่อกำจัดลมและพวกสัตว์เล็กนั้นแล้ว
ครรภ์พึงทั้งอยู่ได้. ภิกษุนั้น ไม่ได้ปรุงเภสัชขนานนั้น ได้ให้เภสัชที่ร้ายแรง
ขนานอื่น. นางได้ตายไป เพราะเภสัชขนานนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรง
บัญญัติทุกกฏไว้ เพราะภิกษุปรุงเภสัช. แม้ในเรื่องที่ 2 ก็นัยนี้เหมือนกัน.

[ภิกษุไม่ควรทำยาแก่ชนอื่นแต่ควรทำให้สหธรรมิกทั้ง 5]


เพราะฉะนั้น ภิกษุไม่ควรทำเภสัชแก่ชนอื่นผู้มาแล้ว ๆ, เมื่อทำ ต้อง
ทุกกฏ. แต่ควรทำให้แก่สหธรรมิกทั้ง 5 คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา
สามเณร สามเณรี. จริงอยู่ สหธรรมิกทั้ง 5 เหล่านั้นเป็นผู้มีศีล ศรัทธา
และปัญญาเสมอกัน ทั้งประกอบในไตรสิกขาด้วย ภิกษุจะไม่ทำเภสัชให้ย่อม
ไม่ได้, และเมื่อจะทำ ถ้าสิ่งของ ๆ สหธรรมิกเหล่านั้นมีอยู่, พึงถือเอาสิ่ง
ของ ๆ สหธรรมิกเหล่านั้น ปรุงให้. ถ้าไม่มี, ควรเอาของ ๆ ตนทำให้ ถ้า
แม้ของ ๆ ตนก็ไม่มี พึงแสวงหาด้วยภิกขาจารวัตร หรือจากที่แห่งญาติและ
คนปวารณา (ของตน). เมื่อไม่ได้ ควรนำสิ่งของมาทำให้ แม้ด้วยการไม่ทำ
วิญญัติ (คือขอในที่ ๆ เขาไม่ได้ทำปวารณาไว้) เพื่อประโยชน์แก่คนไข้.
ควรทำ ยาให้แก่คนนี้ 5 จำพวก แม้อื่นอีก คือ มารดา 1 บิดา 1 คนบำรุง
มารดาบิดานั้น 1 ไวยาจักรของตน 1 คนปัณฑุปลาส 1. คนผู้ที่ชื่อว่าปัณฑุ-
ปลาส ได้แก่ คนผู้เพ่งบรรพชา ยังอยู่ในวิหารตลอดเวลาที่ยังตระเตรียมบาตร
และจีวร. บรรดาชน 5 จำพวกเหล่านั้น ถ้ามารดาและบิดาเป็นใหญ่ ไม่หวัง
ตอบแทนไซร้, จะไม่ทำให้ก็ดีควร. แต่ถ้าท่านทั้ง 2 ดำรงอยู่ในราชสมบัติ
ยังหวังตอบแทนอยู่, จะไม่ทำ ไม่ควร. เมื่อท่านทั้ง 2 หวังเภสัช ควรให้
เภสัช. เมื่อท่านทั้ง 2 ไม่รู้วิธีประกอบยาควรประกอบยาให้. ควรแสวงหา