เมนู

[เรื่องภิกษุโจนลงเหวทับช่างสานตาย]


ในเรื่องภิกษุกระสัน มีวินิจฉัยดังนี้:- ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเห็น
ความฟุ้งซ่านขึ้นแห่งอกุศลวิตกทั้งหลาย มีกามวิตกเป็นต้น เมื่อไม่อาจห้ามได้
ทั้งไม่ยินดีในพระศาสนา จึงเป็นผู้มุ่งหน้าไปเพื่อเป็นคฤหัสถ์ แต่ภายหลังคิด
ได้ว่า เราจักตาย ตราบเท่าที่เรายังไม่เสียศีล. คราวนั้นเธอจึงขึ้นภูเขานั้น
แล้วโจนลงไปในเหว ทับช่างสานคนใดคนหนึ่งตาย.
บทว่า วิลิวาการํ แปลว่า ช่างสานไม้ไผ่.
หลายบทว่า น จ ภิกฺขเว อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ ความว่า ตน
อันภิกษุไม่พึงให้ตกลงไป. ก็บทว่า อตฺตานํ นั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ด้วยวิภัตติเปลี่ยนแปลงไป. แต่ในอธิการว่าด้วยการยังตนให้ตกไปนี้ ภิกษุไม่
ควรยังตนให้ตกไปอย่างเดียวก็หาไม่, ถึงบุคคลอื่นก็ไม่ควรฆ่าด้วยความพยายาม
อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่สุดแม้ด้วยการอดอาหาร. จริงอยู่ แม้ภิกษุใด อาพาธ
มีความประสงค์จะตาย เมื่อเภสัชและผู้อุปัฏฐากมีอยู่ ก็ตัดอาหารเสีย, ภิกษุ
นั้นต้องทุกกฏทีเดียว. ส่วนภิกษุใด อาพาธหนักเป็นเครื่องผูกพันอยู่นาน
(ต้องรักษาพยาบาลอยู่นาน) ภิกษุทั้งหลายผู้อุปัฏฐากอยู่ ย่อมลำบาก เกลียดชัง
คืออึดอัดอยู่ ด้วยคิดว่า เมื่อไรหนอ ? พวกเราจักพ้นจากภิกษุอาพาธ. ถ้า
ภิกษุนั้น คิดว่า อัตภาพนี้ แม้ถูกประคับประคองไว้ ก็ไม่ดำรงอยู่ และ
ภิกษุทั้งหลายก็ลำบาก แล้วตัดอาหารเสีย ไม่เสพเภสัช, ข้อที่เธอตัดอาหาร
เสียนั้น ย่อมควร. ส่วนภิกษุใดคิดว่า โรคนี้ร้ายแรง, อายุสังขาร ย่อมไม่
ดำรงอยู่, และการบรรลุคุณวิเศษของเรานี้ ย่อมปรากฏ เหมือนอยู่ในเงื้อม
มือแล้ว จึงตัดอาหารเสีย; ข้อที่เธอตัดอาหารเสียนั้น ย่อมควรเหมือนกัน.
แม้เมื่อภิกษุผู้ไม่อาพาธ เกิดความสังเวชขึ้นแล้ว ตัดอาหารเสีย ด้วยหัวข้อ

กรรมฐาน เพราะติดได้ว่า ชื่อว่าการแสวงหาอาหารเป็นที่เนิ่นช้า, เราจักตาม
ประกอบกรรมจานเท่านั้น ดังนี้, ข้อที่เธอตัดอาหารเสียนั้น ย่อมควร ภิกษุ
พยากรณ์การบรรลุคุณวิเศษ แล้วตัดอาหารเสีย; ข้อนั้นย่อมไม่ควร. แต่จะ
บอกแก่ลัชชีภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นสภาคกัน ควรอยู่.

[เรื่องภิกษุฉัพพัคคีย์กลิ้งศิลาเล่นทับคนเลี้ยงโคตาย]


ในเรื่องศิลา

มีวินิจฉัยดังนี้:- บทว่า ทวาย แปลว่า ด้วยการ
เล่น คือ ด้วยการหัวเราะ, อธิบายว่า ด้วยการเล่นคะนอง. ที่ชื่อว่า ศิลา
ได้แก่ ก้อนหิน. และไม่ใช่แต่หินอย่างเดียว ถึงท่อนไม้ หรือก้อนอิฐอย่างใด
อย่างหนึ่งแม้อื่น ภิกษุจะใช้มือหรือเครื่องยนต์กลิ้ง ย่อมไม่ควร. พวกภิกษุ
พากันหัวเราะเสสรวลกลิ้งอยู่ก็ดี ยกขึ้นอยู่ก็ดี ซึ่งวัตถุมีหินเป็นต้น เพื่อ
ประโยชน์แก่พระเจดีย์เป็นต้น, จัดเป็นคราวทำการงาน; เพราะเหตุนั้น กิจ
มีการกลิ้งเป็นต้น จึงควร พวกภิกษุ เมื่อจะทำนวกรรมแม้อย่างอื่นเช่นนี้
หรือจะซักสิ่งของ ยกต้นไม้หรือท่อนไม้สำหรับซักขึ้นแล้ว กลิ้งไป, ข้อนั้น
ย่อมควร. ในเวลาทำภัตกิจเป็นต้น ภิกษุขว้างท่อนไม้หรือกระเบื้องถ้วยไปไล่
ฝูงกา และเหล่าสุนัขให้หนีไป; ข้อนั้น ย่อมควร.
เรื่องทั้งหลายมีเรื่องนึ่งตัวเป็นต้น มีเนื้อความชัดเจนทั้งหมดแล้ว.
แล. อนึ่ง ในวิสัยแห่งเรื่องนึ่งตัวเป็นต้นนี้ อันภิกษุไม่ควรทำคิลานุปัฏฐาก
ด้วยคิดว่า เรามีความรังเกียจ ทุกอย่าง พึงเข้าไปกำหนดกำลังหรือไม่มีกำลัง
ความชอบใจและความสบายของภิกษุอาพาธ แล้วทำโดยความเป็นผู้หวัง
ประโยชน์เกื้อกูล.