เมนู

ส่วนพระอาจารย์บางพวก แสดงพระสูตรทั้งหลายเป็นต้นว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องอื่นยังมีอยู่อีก สมณะหรือพราหมณ์ ผู้มีฤทธิ์ ถึงความ
เป็นผู้มีความชำนาญแห่งจิต ย่อมเป็นผู้เพ่งเล็งทารกที่อยู่ในท้องของหญิงอื่น
ด้วยใจอันลามกว่า ทำไฉนหนอ หญิงคนนี้ไม่พึงตลอดทารกที่อยู่ในท้องนั้น
โดยความสวัสดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ก็เป็นการเบียดเบียนสัตว์ที่
อยู่ในครรภ์ ดังนี้ แล้วกล่าวถึงกรรม คือการเบียดเบียนสัตว์อื่น แม้ด้วย
ภาวนามยฤทธิ์, และปรารถนาความพินาศไปแห่งฤทธิ์ พร้อมกับการเบียดเบียน
สัตว์อื่นเหมือนการแตกแห่งหม้อน้ำ ที่เขาโยนขึ้นไปบนเรือนที่ถูกไฟไหม้
ฉะนั้น. คำที่กล่าวมานั้น เป็นแค่เพียงความปรารถนาของเกจิอาจารย์เหล่านั้น
เท่านั้น. เพราะเหตุไร ?. เพราะไม่สมด้วย กุสลัตติกะ เวทนัตติกะ
วิตักกัตติกะ และปริตตัตติกะ,
ข้อนี้อย่างไร ?. ก็ชื่อว่าภาวนามยฤทธิ์นี้
ในกุสลัทติกะ เป็นทั้งกุศลด้วย เป็นทั้งอัพยากฤตด้วย, ปาณาติบาตเป็นอกุศล,
ในเวทนัตติกะ สัมปยุตด้วยอทุกขมสุข ; ปาณาติบาตสัมปยุตด้วยทุกข์ ใน
วิตักกัตติกะ เป็นอวิตักกอวิจาร, ปาณาติบาตเป็นสวิตักกสวิจาระ, ในปริต-
ตัตติกะเป็นมหัคคตะ, ปาณาติบาต เป็นปริตตะ

[อธิบายวัตถุที่เป็นเครื่องประหาร]


พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺย นี้ดัง
ต่อไปนี้:- เครื่องประหารใด ย่อมนำเสีย ; เหตุนั้น เครื่องประหารนั้น
ชื่อว่า สิ่งนำเสีย. ถามว่า นำเสียซึ่งอะไร ? ตอบว่า นำเสียซึ่งชีวิต. อีก
อย่างหนึ่ง เครื่องประหารใด อันบุคคลพึงนำไป ; เหตุนั้น เครื่องประหารนั้น
ชื่อว่าสิ่งอันบุคคลพึงนำไป อธิบายว่า ; เครื่องประหารอันบุคคลพึงจัดเตรียม
ไว้ ศัสตรานั้นด้วย เป็นสิ่งนำเสียด้วย ; เหตุนั้น ชื่อศัสตราอันนำเสีย.