เมนู

พร้อมกับปฏิสัมภิทา ด้วยวิปัสสนาอันมีอานาปานจตุตถฌานเป็นปทัฏฐาน
ควรทราบกิจที่ตนควรทำก่อนทั้งหมด ตั้งแต่ต้น ในอธิการแห่งอานาปานัสสติ
กรรมฐานนี้แล ด้วยสามารถแห่งกุลบุตรผู้เริ่มทำ.

[กุลบุตรจะเรียนกรรมฐานต้องบำเพ็ญศีลให้บริสุทธิ์ก่อน]


กุลบุตรควรชำระศีล 4 อย่างให้หมดจดก่อน. ในศีลนั้น มีวิธีชำระ
ให้หมดจด 3 อย่าง คือ ไม่ต้องอาบัติ 1 ออกจากอาบัติที่ต้องแล้ว 1 ไม่
เศร้าหมองด้วยกิเลสทั้งหลาย 1. จริงอยู่ ภาวนาย่อมสำเร็จแก่กุลบุตรผู้มีศีล
บริสุทธิ์อย่างนั้น. กุลบุตรควรบำเพ็ญแม้ศีลที่ท่านเรียกว่าอภิสมาจาริกศีล ให้
บริบูรณ์ดีเสียก่อน ด้วยอำนาจวัตรเหล่านี้ คือ วัตรที่ลานพระเจดีย์ วัตรที่
ลานต้นโพธิ์ อุปัชฌายวัตร อาจริยวัตร วัตรที่เรือนไฟ วัตรที่โรงอุโบสถ
ขันธกวัตร 82 มหาวัตร 14. จริงอยู่ กุลบุตรใด พึงกล่าวว่า เรารักษาศีล
อยู่, กรรมด้วยอภิสมาจาริกวัตรจะมีประโยชน์อะไร ? ข้อที่ศีลของกุลบุตรนั้น
จักบริบูรณ์ได้ นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้. แต่เมื่ออภิสมาจาริกวัตรบริบูรณ์
ศีลก็จะบริบูรณ์. เมื่อศีลบริบูรณ์ สมาธิย่อมถือเอาห้อง. สมจริงดังพระดำรัส
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ข้อที่ภิกษุนั้นหนอไม่
บำเพ็ญธรรม คือ อภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญศีลทั้งหลาย
ให้บริบูรณ์ได้ นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้* เรื่องนี้ควรให้พิสดาร. เพราะเหตุ
ฉะนั้น กุลบุตรนี้ควรบำเพ็ญแม้วัตร มีเจติยังคณวัตรเป็นต้น ที่ท่านเรียกว่า
อภิสมาจาริวัตร ให้บริบูรณ์ด้วยดีเสียก่อน.
เบื้องหน้าแต่การชำระศีลให้หมดจดนั้น ก็ควรตัดปลิโพธ (ความ
กังวล) อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ในบรรดาปลิโพธ 10 อย่างที่พระอาจารย์
ทั้งหลายกล่าวไว้อย่างนี้ว่า
//* องฺ. ปญฺจก. 22/15-16.

ปลิโพธ (ความกังวล) 10 อย่างนั้น
คือ อาวาส 1 ตระกูล 1 ลาภ (คือปัจจัยสี่)
1 คณะ (คือหมู่) 1 การงาน (คือการ
ก่อสร้าง) เป็นที่คำรบห้า 1 อัทธานะ (คือ
เดินทางไกล) 1 ญูาติ 1 อาพาธ 1 คัณฐะ
(คือการเรียนปริยัติ) 1 อิทธิฤทธิ์ 1.

กุลบุตรผู้ตัดปลิโพธได้อย่างนั้นแล้ว จึงควรเรียนกรรมฐาน.

[กรรมฐาน 2 พร้อมทั้งอธิบาย]


กรรมฐานนั้น มีอยู่ 2 อย่าง คือ สัพพัตถกกัมมัฏฐาน (กรรมฐาน
มีประโยชน์ในกุศลธรรมทั้งปวง) 1 ปาริหาริยกัมมัฏฐาน (กรรมฐานควร
บริหารรักษา) 1. บรรดากรรมฐาน 2 อย่างนั้น ที่ชื่อว่า สัพพัตถกกมมัฏฐาน
ได้แก่ เมตตา (ที่เจริญไป) ในหมู่ภิกษุเป็นต้น และมรณัสสติ (การระลึก
ถึงความตาย). พระอาจารย์พวกหนึ่งกล่าวว่า อสุภสัญญา บ้าง. จริงอยู่ ภิกษุ
ผู้จะเจริญกรรมฐาน ครั้งแรกต้องตัดปลิโพธเสียก่อน แล้วจึงเจริญเมตตาไป
ในหมู่ภิกษุผู้อยู่ในสีมา, ลำดับนั้น พึงเจริญไปในเหล่าเทวดาผู้อยู่ในสีมา,
ถัดจากนั้นพึงเจริญไปในอิสรชนในโคจรคาม, ต่อจากนั้นพึงเจริญไปในเหล่า
สรรพสัตว์กระทั่งถึงขาวบานในโคจรคามนั้น. แท้จริง ภิกษุนั้น ทำพวกชน
ผู้อยู่ร่วมกันให้เกิดมีจิตอ่อนโยน เพราะเมตตาในหมู่ภิกษุ. เวลานั้น เธอจะ
มีความอยู่เป็นสุข. เธอย่อมเป็นผู้อันเหล่าเทวดาผู้มีจิตอ่อนโยน เพราะเมตตา
ในเหล่าเทวดาผู้อยู่ในสีมาจัดการอารักขาไว้เป็นอย่างดี ด้วยการรักษาที่ชอบ
ธรรม. ทั้งเป็นผู้อันอิสรชนทั้งหลาย ผู้มีจิตสันดานอ่อนโยน เพราะเมตตา
ในอิสรชนในโคจรคาม จัดรักษาระแวดระวังไว้อย่างดี ด้วยการรักษาที่ชอบ