เมนู

เรื่องไห้รีด


ก็โดยสมัยนั้นแล หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ได้บอกเรื่องนี้กะภิกษุผู้กุลุปกะ
ว่า นิมนต์เถิดเจ้าข้า ท่านจงรู้เภสัชที่ทำให้ครรภ์ตก ภิกษุนั้นบอกว่า น้องหญิง
ถ้าเช่นนั้นท่านจงรีด นางจึงได้รีดให้ครรภ์ตกไป เธอมีความรังเกียจว่า เรา
ต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว.

เรื่องให้ร้อน


ก็โดยสมัยนั้นแล หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ได้บอกเรื่องนั้นกะภิกษุผู้กุลุปกะ
ว่า นิมนต์เถิดเจ้าข้า ท่านจงรู้เภสัชที่ทำให้ครรภ์ตก ภิกษุนั้นบอกว่า น้องหญิง
ถ้าเช่นนั้นท่านจงทำให้ครรภ์ร้อน นางจึงทำให้ครรภ์ร้อน ให้ครรภ์ตกไป
เธอมีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จีงกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว.

เรื่องหญิงหมัน


ก็โดยสมัยนั้นแล หญิงหมันคนหนึ่ง ได้บอกเรื่องนี้กะภิกษุผู้กุลุปกะว่า
นิมนต์เถิดเจ้าข้า ท่านจงรู้เภสัชที่ทำให้ดิฉันตลอดบุตร ภิกษุนั้นรับ คำว่า ดีละ
น้องหญิง แล้วได้ให้เภสัชแก่นาง ๆ ถึงแก่กรรม เธอมีความรังเกียจว่า เรา
ต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.

เรื่องหญิงมีปกติคลอด


ก็โดยสมัยนั้นแล หญิงมีปกติตลอดบุตรถี่คนหนึ่ง ได้บอกเรื่องนี้กะ
ภิกษุผู้กุลุปกะว่า นิมนต์เถิดเจ้าข้า ท่านจงรู้เภสัชที่ทำไม่ให้ดิฉัน ตลอดบุตร
ภิกษุนั้นรับคำว่า ดีละน้องหญิง แล้วได้ให้เภสัชแก่นาง ๆ ได้ถึงแก่กรรม
เธอมีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก
แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.

เรื่องจี้


[216] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ ยังภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอยู่ใน
จำพวกพระสัตตรสวัคคีย์ให้หัวเราะเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ ภิกษุนั้นเหนื่อย หายใจ
ออกไม่ทัน ได้ถึงมรณภาพ พวกเธอมีความรังเกียจว่า พวกเราต้องอาบัติ
ปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

เรื่องทับ


[217] ก็โดยสมัยนั้นแล พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ ช่วยกันขึ้นทับ
ภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอยู่ในจำพวกพระฉัพพัคคีย์ ด้วยตั้งใจว่าจักลงโทษให้ถึงมรณภาพ
แล้ว พวกเธอมีความรังเกียจว่า พวกเราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติปาจิตตีย์.