เมนู

[185] บทว่า ชักชวนเพื่ออันตรายก็ดี คือชักชวนว่า จงนำมีดมา
จงกินยาพิษ จงแขวนคอตายด้วยเชือก หรือจงโจนลงในบ่อ ในเหว หรือ
ในที่ชัน.
[186] คำว่า แม้ภิกษุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเทียบเดียะภิกษุ
2 รูปแรก.
คำว่า เป็นปาราชิก มีอธิบายว่า ศิลาหนาแตกสองเสี่ยงแล้วเป็น
ของกลับต่อให้ติดสนิทอีกไม่ได้แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน จงใจ
พรากกายมนุษย์จากชีวิตแล้ว ย่อมไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร
เพราะเหตุนั้น จึงตรัสว่า เป็นปาราซิก.
บทว่า หาสังวาสมิได้ ความว่า ที่ชื่อว่าสังวาสนั้น ได้แก่กรรมที่
พึงทำร่วมกัน อุเทศที่พึงสวดร่วมกัน ความเป็นผู้มีสิกขาเสมอกัน นั่นชื่อว่า
สังวาส สังวาสนั้นไม่มีกับภิกษุนั้น เพราะเหตุนั้น จึงตรัสว่า หาสังวาสมิได้.

บทภาชนีย์


มาติกา


[187] ทำเอง ยืนอยู่ใกล้ สั่งทูต สั่งทูตต่อ
ทูตไม่สามารถ ทูตไปแล้วกลับมา
ที่ไม่ลับ สำคัญว่าที่ลับ ที่ลับ สำคัญว่าที่ไม่ลับ
ที่ไม่ลับ สำคัญว่าที่ไม่ลับ ที่ลับ สำคัญว่าที่ลับ
พรรณนาด้วยกาย พรรณนาด้วยวาจา
พรรณนาด้วยกายและวาจา พรรณนาด้วยทูต
พรรณนาด้วยหนังสือ หลุมพราง วัตถุที่พิง

การลอบวาง เภสัช การนำรูปเข้าไป
การนำเสียงเข้าไป การนำกลิ่นเข้าไป
การนำรสเข้าไป การนำโผฏฐัพพะเข้าไป
การนำธรรมารมณ์เข้าไป กิริยาที่บอก การแนะนำ
การนัดหมาย การทำนิมิต.

มาติกาวิภังค์


สาหัตถิกประโยค ทำเอง


[188] คำว่า ทำเอง คือฆ่าเองด้วยกาย ด้วยเครื่องประหาร ที่
เนื่องด้วยกาย หรือด้วยเครื่องที่ประหารซัดไป

ยืนอยู่ใกล้


คำว่า ยืนอยู่ใกล้ คือยืนสั่งอยู่ ณ ที่ใกล้ว่า จงยิงอย่างนี้ จงประหาร
อย่างนี้ จงฆ่าอย่างนี้.

อาณัตติกประโยค สั่งทูต


[189] ภิกษุสั่งภิกษุว่า จงปลงชีวิตบุคคลชื่อนี้ ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุผู้รับคำสั่ง เข้าใจว่าบุคคลนั้นแน่ จึงปลงชีวิตบุคคลนั้น ต้องอาบัติปาราชิก
ทั้ง 2 รูป.
ภิกษุสั่งภิกษุว่า จงปลงชีวิตบุคคลชื่อนี้ ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุผู้รับคำสั่ง เข้าใจว่าบุคคลนั้นแน่ แต่ปลงชีวิตบุคคลอื่น ภิกษุผู้สั่งไม่ต้อง
อาบัติ ภิกษุผู้ฆ่าต้องอาบัติปาราชิก.