เมนู

พระวินัยปิฎก
เล่ม 1 ภาค 2
มหาวิภังค์ ปฐมภาค


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ทุติยปาราชิกกัณฑ์

*

เรื่องพระธนิยะ กุมภการบุตร


[ 79 ] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขา
คิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ภิกษุหลายรูปซึ่งเคยเห็นกันเคยคบหา
กันมา ทำกุฎีมุงบังด้วยหญ้า ณ เชิงภูเขาอิสิคิลิแล้วอยู่จำพรรษา แม้ท่าน
พระธนิยะ กุมภการบุตร ก็ได้ทำกุฎีมุงบังด้วยหญ้าแล้วอยู่จำพรรษา ครั้น
ภิกษุเหล่านั้นจำพรรษาโดยล่วงไตรมาสแล้ว ได้รื้อกุฎีมุงด้วยหญ้า เก็บหญ้า
และตัวไม้ไว้ แล้วหลีกไปสู่จาริกในชนบท ส่วนท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร
อยู่ ณ ที่นั้นเอง ตลอดฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน ขณะเมื่อท่าน
พระธนิยะ กุมภการบุตร เข้าไปบ้านเพื่อบิณฑบาต คนหาบหญ้า คนหาฟืน
ได้รื้อกุฎีบังด้วยหญ้าเสีย แล้วขนหญ้าและตัวไม้ไป.
แม้ครั้งที่สอง ท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร ได้เที่ยวหาหญ้า และ
ไม้มาทำกุฎีมุงบังด้วยหญ้าอีก เมื่อท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร เข้าไปบ้าน
//* พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค หน้า 76.

เพื่อบิณฑบาต แม้ครั้งที่สอง คนหาบหญ้า คนหาฟืน ก็ได้รื้อกุฎีมุงบังด้วย
หญ้าเสีย แล้วขนหญ้าและตัวไม้ไป.
แม้ครั้งที่สาม ท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร ก็ได้เที่ยวหาหญ้าและ
ไม้มาทำกุฎีมุงบังด้วยหญ้าอีก เมื่อท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร เข้าไปบ้าน
เพื่อบิณฑบาต แม้ครั้งที่สาม คนหาบหญ้า คนหาฟื้น ก็ได้รื้อกุฎีมุงบังด้วย
หญ้าเสีย แล้วขนหญ้าและตัวไม้ไปอีก.
หลังจากนั้น ท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร ได้มีความคิดว่า เมื่อ
เราเข้าไปบ้านเพื่อบิณฑบาต คนหาบหญ้า คนหาฟืน ได้รื้อกุฎีมุงบังด้วยหญ้า
เสีย แล้วขนหญ้าและตัวไม้ไปถึงสามครั้งแล้ว ก็เรานี่แหละ เป็นผู้ได้ศึกษา
มาดีแล้วไม่บกพร่องเป็นผู้สำเร็จศิลปะในการช่างหม้อเสมอด้วยอาจารย์ของตน
ผิฉะนั้น เราพึงขยำโคลนทำกุฎีสำเร็จด้วยดินล้วนเสียเอง จึงท่านพระธนิยะ
กุมภการบุตร ขยำโคลนทำกุฎีสำเร็จด้วยดินล้วน ด้วยตนเอง แล้วรวบรวม
หญ้าไม้และโคมัยมาเผากุฎีนั้น กุฎีนั้นงดงาม น่าดู น่าชม มีสีแดงเหมือน
แมลงค่อมทอง มีเสียงเหมือนเสียงกระดึง.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงจากภูเขาคิชฌกูฏพร้อมด้วยภิกษุ
เป็นอันมาก ทอดพระเนตรเห็นกุฎีนั้นงดงามน่าดูน่าชมมีสีแดง ครั้งแล้ว
จึงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นอะไร งดงาม น่าดู
น่าชม มีสีแดงเหมือนแมลงค่อมทอง ครั้นภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ
แล้ว พระพุทธองค์ทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษ
นั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ
ไฉนโมฆบุรุษนั้นจึงได้ขยำโคลนทำกุฎีสำเร็จด้วยดินล้วน ด้วยตนเองเล่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ความไม่เบียดเบียนหมู่สัตว์