เมนู

พราหมณ์แน่นอน. และต่อจากนั้นก็จักถูกเล้าโลมด้วยมนต์แล้วออกบวช, ครั้น
ติสสทารกนั้นบวชแล้วอย่างนี้ เล่าเรียนพระพุทธพจน์ทั้งสิ้น เป็นผู้ได้บรรลุ
ปฏิสัมภิทา จักย่ำยีพวกเดียรถีย์ วินิจฉัยอธิกรณ์นั้นแล้ว เชิดชูพระศาสนา.

[พวกพระเถระไปเชิญติสสมหาพรหมให้มาเกิดในมนุษยโลก]


พระเถระเหล่านั้นไปยังพรหมโลก แล้วได้กล่าวคำนี้กะท้าวติสส-
มหาพรหมว่า ดูก่อนสหายผู้นิรทุกข์ ! ในปีที่ 18 ถัดจาก 100 ปี แต่นี้ไป
เสนียดอย่างใหญ่จักเกิดขึ้นในพระศาสนา, และพวกเราได้ตรวจดูมนุษยโลก
และเทวโลกชั้นฉกามาวจรทั้งสิ้น ก็มิได้เห็นใคร ๆ ผู้สามารถ เพื่อจะเชิดชู
พระศาสนาได้, ค้นดูตลอดพรหมโลกจึงได้พบท่านผู้เจริญ, ดังพวกข้าพเจ้า
ขอโอกาส ท่านสัตบุรุษ ! ขอท่านจงให้ปฏิญญา (แก่พวกข้าพเจ้า) เพื่อเกิด
ในมนุษยโลก แล้วเชิดชูพระศาสนาของพระทศพลเถิด.

[ติสสมหาพรหมรบปฏิญญามาเกิดในมนุษยโลก]


เมื่อพระเถระทั้งหลาย กล่าวเชิญอย่างนั้นแล้ว ท้าวมหาพรหมจึง
ดำริว่า ได้ยินว่า เราจักเป็นผู้สามารถเพื่อชำระเสนียดซึ่งจะเกิดขึ้นในพระศาสนา
แล้วเชิดชูพระศาสนา ดังนี้ แล้วเป็นผู้หรรษาร่าเริงบันเทิงใจ ได้ให้ปฏิญญา
รับว่า ดีละ. พระเถระทั้งหลายพิจารณากิจที่ควรทำนั้นในพรหมโลกเสร็จแล้ว
ก็พากันกลับมาอีก.

[พวกพระเถระลงทัณฑกรรมแก่พระสิคควะและพระจัณฑวัชชี]


ก็โดยสมัยนั้นแล พระเถระทั้ง 2 รูปคือ พระสิคควเถระ และพระ
จัณฑวัชชีเถระ ยังเป็นพระนวกะอยู่. พระเถระเหล่านั้น เป็นภิกษุหนุ่ม
ทรงพระไตรปิฎก บรรลุปฏิสัมภิทา สิ้นอาสวะแล้ว เป็นสัทธิวิหาริกของ



พระโสณกะ. พระเถระทั้ง 2 รูป ไม่ได้มาร่วมระงับอธิการณ์นั้น. พระเถระ
ทั้งหลาย จึงกล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส ! พวกท่านหาได้เป็นผู้ร่วมคิดของพวกเรา
ในอธิกรณ์นี้ไม่, เพราะเหตุนั้น ทัณฑกรรมนี้จงมีแก่พวกท่าน คือ ท้าว
มหาพรหมชื่อติสสะ จักถือปฏิสนธิในเรือนของโมคคลีพราหมณ์, บรรดาท่าน
ทั้งสอง รูปหนึ่งจงชักนำท้าวติสสมหาพรหมนั้นมาบวช, รูปหนึ่งจงให้เรียน
พระพุทธพจน์ ดังนี้
พระเถระแม้เหล่านั้นทุก ๆ รูป มี
พระสัพพกามีเป็นต้น เป็นผู้มีฤทธิ์มาก
รุ่งเรืองแล้วในโลก ดำรงอยู่จนตลอดอายุ
แล้วก็ปรินิพพาน เหมือนกองไฟลุกโชติช่วง
ดับไปแล้วฉะนั้น พระเถระชื่อแม้เหล่านั้น
สิ้นอาสวะแล้ว ถึงความเป็นผู้ชำนาญ
แตกฉานในปฏิสัมภิทา ครั้นทำทุติยสังคายนา
ชำระพระศาสนาให้หมดจด ทำเหตุเพื่อ
ความเจริญแห่งพระสัทธรรม แม้ในอนาคต
แล้ว ก็เข้าถึงอำนาจแห่งความเป็นผู้ไม่เที่ยง
เป็นของลามก ก้าวล่วงได้โดยยากอย่างนี้
แล้ว ก็ควรพากเพียร เพื่อบรรลุอมตบทที่
เป็นบทยั่งยืน ดังนี้แล.

พรรณนาทุติยสังคีติ เป็นอันจบลงแล้วโดยอาการทั้งปวง ด้วยลำดับ
คำเพียงเท่านี้.


เริ่มเรื่องตติยสังคายนา


[ติสสมหาพรหมเกิดในมนุษยโลก]


แม้ติสสมหาพรหมแล เคลื่อนจากพรหมโลกแล้ว ได้ถือปฏิสนธิ
ในเรือนของโมคคลีพราหมณ์. ฝ่ายพระสิคควเถระ จำเดิมแต่ติสสมหาพรหม
นั้นถือปฏิสนธิ ก็เข้าไปบิณฑบาตยังเรือนของพราหมณ์ตลอด 7 ปี. แม้วันหนึ่ง
ท่านก็ไม่ได้ข้าวต้มสุกสักวันหนึ่งกระบวยหรือข้าวสวยสักว่าหนึ่งทัพพี. ก็โดยล่วงไป
ถึง 7 ปี ในวันหนึ่งท่านได้เพียงคำพูดว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิด เจ้าข้า !

[พราหมณ์ผู้บิดาของติสสมหาพรหมพบพระสิคควเถระ]


ในวันนั้นนั่นเอง แม้พราหมณ์ทำกิจที่ควรทำบางอย่างภายนอกบ้าน
แล้ว เดินกลับมา ก็พบพระเถระที่ทางสวน จึงเรียนถามว่า บรรพชิตผู้เจริญ !
ท่านได้มายังเรือนของกระผมแล้วหรือ ?
พระเถระ เออ รูปได้ไปแล้ว พราหมณ์ !
พราหมณ์. ท่านได้อะไรบ้างหรือ ?
พระเถระ. เออ ได้ พราหมณ์ !
พราหมณ์นั้น ไปถึงเรือแล้วถามว่า ใครได้ให้อะไร ๆ แก่บรรพชิต
นั้นบ้างหรือ ?
พวกชนในเรือนตอบว่า ไม่ได้ให้อะไร ๆ.

[โมคคลีพราหมณ์คอยจับมุสาของพระเถระ]


ในวันที่ 2 พราหมณ์นั่งอยู่ที่ประตูเรือนนั่นเอง ด้วยคิดว่า วันนี้
เราจักข่มขี่บรรพชิตด้วยการกล่าวเท็จ. ในวันที่ 2 พระเถระก็ไปถึงประตูเรือน