เมนู

[สังเขปและอัทธาในปฏิจจสมุปบาท]


บรรดาองค์แห่งปฏิจจสมุปบาทนั้น อวิชชาและสังขารเป็นสังเขปหนึ่ง.
วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ และเวทนา เป็นสังเขปหนึ่ง. ตัณหา
อุปาทานและภพ เป็นสังเขปหนึ่ง. ชาติและชรามรณะเป็นสังเขปหนึ่ง. ก็ใน
สังเขป 4 นั้น สังเขปต้น เป็นอตีตัทธา. สองสังเขปกลาง เป็นปัจจุปปันนัทธา
ชาติและชรามรณะเป็นอนาคตัทธา.

[วัฏฏะและสนธิ 3 ในปฏิจจสมุปบาท]


อนึ่ง ในสังเขปต้นนั้น ตัณหาอุปาทานและภพ ย่อมเป็นอันท่านถือ
เอาแล้ว ด้วยศัพท์คืออวิชชาและสังขารนั่นแล เพราะฉะนั้น ธรรม 5 เหล่านี้
จัดเป็นกรรมวัฏในอดีต. ธรรม 5 อย่าง มีวิญญาณ เป็นต้น จัดเป็นวิปากวัฏ
ในปัจจุบัน. อวิชชาและสังขาร เป็นอันท่านถือเอาแล้วด้วยศัพท์คือตัณหา
อุปาทานและภพนั่นเอง เพราะฉะนั้น ธรรม 5 เหล่านี้จัดเป็นกรรมวัฏในกาล
บัดนี้. ธรรม 5 เหล่านี้ จัดเป็นวิปากวัฏต่อไป (ในอนาคต) เพราะองค์
ปฏิจจสมุปบาท มีวิญญาณ เป็นต้น ท่านแสดงไขโดยอ้างถึงชาติ ชรา มรณะ.
ปฏิจจสมุปบาท มืออวิชชาเป็นต้นนั้น ว่าโดยอาการมี 20 อย่าง.
อนึ่ง ในองค์ปฏิจจสมุปบาทมีสังขารเป็นต้น ระหว่างสังขารกับ
วิญญาณ เป็นสนธิหนึ่ง. ระหว่างเวทนากับตัณหา เป็นสมาธิหนึ่ง. ระหว่าง
ภพกับชาติ เป็นสนธิหนึ่ง ฉะนี้แล. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงทราบ ทรงแทงตลอด ปฏิจจสมุปบาทนี้ ซึ่งมีสังเขป 4 อัทธา 3 อาการ
20 สนธิ 3 โดยอาการทุกอย่าง ด้วยประการฉะนี้. ความรู้นั้น ชื่อว่าญาณ
เพราะอรรถว่ารู้ (โดยสภาพตามเป็นจริง) ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด.