เมนู

ไม้ไผ่ 3 ลำ ได้มีแล้วที่เชิงเขาชื่อ
ฉาตกะ ลำที่เป็นเถา มีสีขาวและงามเหมือน
สีทอง ปรากฏอยู่ที่ลำต้น* สีเงิน, ดอกสีเขียว
เป็นต้น มีอยู่เช่นใด. ดอกเช่นนั้น ก็ปรากฏ
อยู่ในลำดอกไม้, สกุณชาติหลายหลาก ก็
จับกันอยู่ที่ลำสกุณชาติ โดยรูปของตน
นั่นเอง.

[รัตนะคือแก้ววิเศษ 8 ชนิดเกิดแก่พระเจ้าเทวานัมปิยดิส]


รัตนะ (คือแก้ว) มีหลายชนิด มีแก้วมุกดา แก้วมณี และแก้ว
ไพฑูรย์เป็นต้น เกิดขึ้นแม้จากสมุทร แก่พระเจ้าเทวานัมปิยดิสพระองค์นั้น.
ส่วนในเกาะตัมพปัณณิทวีป มีแก้วมุกดาเกิดขึ้น 8 ชนิด คือ แก้วมุกดามี
สัณฐานเหมือนรูปช้าง 1 แก้วมุกดามีสัณฐานเหมือนรูปรถ 1 แก้วมุกดามีสัณฐาน
เหมือนผลมะขามป้อม 1 แก้วมุกดามีสัณฐานเหมือนกำไลมือ 1 แก้วมุกดามี
สัณฐานเหมือนวงแหวน 1 แก้วมุกดามีสัณฐานเหมือนผลไม้กุ่ม 1 แก้วมุกดา
ปกติ 1 ท้าวเธอได้ส่งลำไม้ไผ่ แก้วมุกดานั้น ๆ กับรัตนะมากมาย อย่างอื่น
ไปถวาย เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการ แด่พระเจ้าอโศกธรรมราช.

[พระเจ้าอโศกส่งเบญจราชกุธภัณฑ์ไปถวายพระเจ้าเทวานัมปิยดิส]


พระเจ้าอโศกทรงเลื่อมใส แล้วทรงส่งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 5 อย่าง
ไปถวายแด่ท้าวเธอ คือ เศวตฉัตร 1 แส้จามร (วาลวีชนี) 1 พระขรรค์ 1
รัตนะประดับพระเมาลี (คือ พระอุณหิส ติดพระมหาพิชัยมงกุฎ) 1 ฉลอง
* ราชตยฏฺฐี เป็นปฐมวิภัตติ ลงในอรรถสัตตมีวิภัตติ. นัยอรรถโยชนา 1/80.



พระบาท 1 และเครื่องบรรณาการอย่างอื่นหลายชนิด เพื่อประโยชน์แก่การ
อภิเษก. คืออย่างไร. คือ สังข์ 1 คังโคทกวารี (น้ำที่แม่น้ำคงคา หรือน้ำ
ที่เกิดจากสระอโนดาต) 1 วัฒนมานะ จุณสำหรับสรงสนาน 1 วฏังสกะ
(พระมาลากรองสำหรับประดับพระกรรณ หรือกรรเจียก เครื่องประดับหู) 1
ภิงคาร พระเต้าทอง 1 นันทิยาวฏะ ภาชนะทอง (ทำไว้เพื่อการมงคล มี
สัณฐานเหมือนรูปกากบาท) 1 สิริกะ (วอหรือเสลี่ยง) 1 กัญญา ขัตติยกุมารี 1
อโธวิมทุสสยุคะ (คู่พระภูษาที่ไม่ต้องซัก) 1 หัตถปุณฉนะ ผ้าสำหรับเช็ด
พระหัตถ์ 1 หริจันทนะ แก่นจันทน์แดง 1 อรุณวัณณมัตติกะ ดินสีอรุณ 1
อัญชนะ* ยาหยอดพระเนตร 1 หรีตกะ พระโอสถสมอ 1 อามลกะ พระโอสถ
มะขามป้อม 1 ฉะนี้แล.
แม้คำนี้ก็สมจริงดังคำที่พระอาจารย์ชาวสิงหล กล่าวไว้ในคัมภีร์
ที่ปวงศ์ว่า
พระราชาทรงพระนามว่าอโศก ทรง
ส่งเครื่องบรรณาการ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะบุญ
กรรม (ของพระองค์) ไป (ถวายแด่
พระเจ้าเทวานัมปิยดิส) คือ พัดวาลวีชนี 1
พระอุณหิส (พระมหาพิชัยมงกุฏ) 1 เศวต
ฉัตร 1 พระขรรค์ 1 ฉลองพระบาท 1 เวฐนะ
ผ้าโพกพระเศียร 1 สารปามังคะ สร้อย
สังวาล 1 ภิงคาร พระเต้าทอง 1 นันทิวัฏฏ-

* อัญชนะ แปลว่า แร่พลวง ก็ได้. ดอกอัญชันก็ได้ ดอกอังกาบก็ได้ หรือยาหยอดตาก็ได้
ในที่นี้ได้แปลว่า ยาหยอดตา.

กะ ภาชนะทอง 1 สิวิกะ (วอหรือเสลี่ยง) 1
สังขะ (สังข์สำหรับรดน้ำในเวลาอภิเษก) 1
วฏังสกะ (พระมาลากรองสำหรับประดับ
พระกรรณ หรือกรรเจียกเครื่องประดับหู) 1
อโธวิวัตถโกฏิกะ พระภูษาคู่หนึ่งที่ไม่ต้อง
ซักฟอก 1 โสวัณณปาตีถาดทอง 1 กฏัจฉุ
ทัพพี 1 มหัคฆหัตถปุณฉนะ ผ้าสำหรับเช็ด
พระหัตถ์ที่มีค่ามาก 1 อโนตัตโตทกกาชะ
หาบน้ำสระอโนดาด 1 อุตตมหริจันทนะ
แก่นจันทน์แดงที่ดีเลิศ 1 อรุณวัณณมัตติกะ
ดินสีอรุณ 1 อัญชนะยาหยอดพระเนตรที่นาค
นำมาถวาย 1 หรีตกะพระโอสถสมอ 1
อามลกะ พระโอสถมะขามป้อม 1 มหัคฆ
อมโตสถะ พระโอสถแก้โรคที่มีค่ามาก 1
ข้าวสาลีมีกล่อนหอม 6,000 เกวียนที่นก
แขกเต้านำมาถวาย 1.

ก็พระเจ้าอโศก ทรงส่งเครื่องบรรณาการ ที่เป็นอามิสนั้นไปถวาย
อย่างเดียวหามิได้ ได้ยินว่า ยังได้ส่งแม้ธรรมบรรณาการนี้ไปถวายอีก ดังนี้คือ
หม่อมฉัน ได้ถึงพระพุทธเจ้า พระ
ธรรมและพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะที่พึ่งแล้ว
ได้แสดงตนเป็นอุบาสก ในพระศาสนาแห่ง
ศากยบุตร, ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่า


นรชน ! ถึงพระองค์ท่าน ก็จงยังจิตให้
เลื่อมใสในอุดมวัตถุทั้ง 3 เหล่านี้เถิด ขอให้
ทรงเข้าถึงรัตนะทั้ง 3 นั้นว่าเป็นสรณะที่พึ่ง
ด้วยพระศรัทธาเถิด.

ในวันนั้น พระราชาพระองค์นั้น ทรงรับมุรธาภิเษก 1 เดือนด้วย
เครื่องอุปกรณ์การอภิเษก ที่พระเจ้าอโศกทรงส่งไปถวาย. จริงอยู่ เหล่า
เสนามาตย์ได้ทำการอภิเษกถวายแด่ท้าวเธอ ในดิถีวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ
(คือวันเพ็ญเดือน 6 ).
ท้าวเธอพระองค์นั้น เมื่อทรงอนุสรณ์ถึงศาสนาประวัตินั้น ที่พระองค์
ได้ทรงสดับมาไม่นาน ครั้นได้ทรงสดับคำนั้น ของพระเถระว่า ขอถวายพระพร
มหาบพิตร ! อาตมภาพทั้งหลาย ชื่อว่าสมณะเป็นสาวก ของพระธรรมราชา
ดังนี้ เป็นต้นแล้วทรงดำริว่า พระผู้เป็นพระเจ้าทั้งหลาย มาแล้วหนอแล จึง
ทรงทิ้งอาวุธในทันใดนั้นเอง แล้วประทับนั่งสนทนาสัมโมทนียกถาอยู่ ณ ส่วน
ข้างหนึ่ง. เหมือนดังที่พระโบราณาจารย์ กล่าวไว้ว่า
พระราชาทรงทิ้งอาวุธแล้ว เสด็จ-
ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นประทับนั่ง
แล้ว ได้ตรัสพระดำรัสประกอบด้วยประโยชน์
เป็นอันมากร่าเริงอยู่.

ก็เมื่อท้าวเธอพระองค์นั้น ทรงสนทนาสัมโมทนียกถาอยู่นั่นแล
ข้าราชบริพารจำนวนสี่หมื่นเหล่านั้น ก็พากันมาแวดล้อมพระองค์แล้ว.

[พรเถระแสดงให้พระราชาทอดพระเนตรเห็นจริงอีก 6 คน]


คราวนั้น พระเถระ ก็แสดงชน 6 คนแม้นอกนี้. พระราชาทอด
พระเนตรเห็น (ชนทั้ง 6 นั้น) แล้ว จึงทรงรับสั่ง (ถาม) ว่า คนเหล่านี้
มาเมื่อไร ?
พระเถระ. มาพร้อมกับอาตมภาพนั่นแล มหาบพิตร !
พระราชา. ก็บัดนี้ สมณะแม้เหล่าอื่น ผู้เห็นปานนี้ มีอยู่ในชมพูทวีป
บ้างหรือ ?
พระเถระ. มีอยู่ มหาบพิตร ! บัดนี้ ชมพูทวีป รุ่งเรืองไปด้วย
ผ้ากาสาวพัสตร์ สะบัดอบอวลไปด้วยลมฤษี, ในชมพูทวีปนั้น
มีพระอรหันต์พุทธสาวกเป็นอันมาก
ซึ่งเป็นผู้มีวิชชา 3 และได้บรรลุฤทธิ์
เชี่ยวชาญทางเจโตปริยญาณ สิ้นอาสวะแล้ว.

พระราชา. ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ! พระคุณเจ้าทั้งหลาย พากันมา
โดยทางไหน ?
พระเถระ. มหาบพิตร ! อาตมภาพทั้งหลายไม่ได้มาทางน้ำและทาง
บกเลย.
พระราชา. ก็ทรงเข้าพระทัยได้ดีว่า พระคุณเจ้าเหล่านี้มาทางอากาศ.
[

พระเถระถามปัญหาเพื่อหยั่งทราบพระปัญญาของพระราชา

]
พระเถระ. เพื่อจะทดลองดูว่า พระราชา จะทรงมีความเฉียบแหลม
ด้วยพระปรีชาหรือหนอแล ? จึงทูลถามปัญหาปรารภต้นมะม่วง ซึ่งอยู่ใกล้ว่า
มหาบพิตร ต้นไม้นี้ชื่ออะไร ?