เมนู

ในที่สุด (รัชกาล) แห่งพระเจ้าวินทุสารนั้น พระเจ้าอโศกก็ขึ้นครองราชย์.
ในกาลก่อนแต่ทรงอภิเษก พระเจ้าอโศกนั้น ครองราชย์อยู่ 4 ปี. ในปีที่ 18
จากเวลาที่พระเจ้าอโศกทรงอภิเษกแล้ว พระมหินทเถระก็มายืนอยู่ที่เกาะนี้.
คำนี้ว่า พระมหินทเถระยืนอยู่ที่เกาะนี้ ในปีที่ 236 พรรษา นับมาแต่ปีที่
สมเด็จพระสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน ดังนี้ บัณฑิตพึงทราบ ตามสายราชวงศ์
(ของพระราชาในชมพูทวีป) นั่น ดังพรรณนามา ฉะนี้.

[พระเจ้าเทวานัมปิยดิสทรงพบพระมหินทเถระ]


ก็ในวันนั้น ที่เกาะตัมพปัณณิทวีป มีงานนักษัตรฤกษ์ในเชษฐมาสต้น
(คือเดือน 7). พระราชาทรงรับสั่งให้โฆษณานักษัตรฤกษ์ แล้วทรงบังคับ
พวกอำมาตย์ว่า พวกท่าน จงเล่นมหรสพเถิด ดังนี้ มีราชบุรุษจำนวนถึง
สี่หมื่นเป็นบริวาร เสด็จออกไปจากพระนคร มีพระสงค์จะทรงกีฬาล่าเนื้อ
จึงเสด็จไปโดยทางที่มิสสกบรรพตตั้งอยู่. เวลานั้น มีเทวดาตนหนึ่ง ซึ่งสิงอยู่
ที่บรรพตนั้น คิดว่า เราจักแสดงพระเถระทั้งหลาย แก่พระราชา จึงแปลง
เป็นตัวเนื้อละมั่งเที่ยวทำทีกินหญ้าและใบไม้อยู่ในที่ไม่ไกล (แต่พระเถระนั้น).
พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นเนื้อละมั่งตัวนั้นแล้ว จึงทรงดำริว่า บัดนี้
ยังไม่สมควรจะยิงเนื้อ ตัวที่ยังเลินเล่ออยู่ จึงทรงดีดสายธนู. เนื้อเริ่มจะหา
ทางหนี ๆ ไปทางที่กำหนดหมายด้วยต้นมะม่วง. พระราชาเสด็จติดตามไป
ข้างหลัง ๆ แล้วเสด็จขึ้นสู่ทางที่กำหนดด้วยต้นมะม่วงนั่นเอง. ฝ่ายมฤค ก็หายตัว
ไปในที่ไม่ไกลพระเถระทั้งหลาย. พระมหินทเถระเห็นพระราชากำลังเสด็จมา
ในที่ไม่ไกล จึงอธิษฐานใจว่า ขอให้พระราชาทอดพระเนตรเห็นเฉพาะเรา
เท่านั้น อย่าทอดพระเนตรเห็นพวกนอกนี้เลย จึงทูลทักว่า ติสสะ ติสสะ



ขอจงเสด็จมาทางนี้. พระราชาทรงสดับแล้ว เฉลียวพระหฤทัยว่า ขึ้นชื่อว่า
ชนผู้ที่เกิดในเกาะนี้ซึ่งสามารถจะเรียกเราระบุชื่อว่า ติสสะ ไม่มี ก็สมณะ
โล้นรูปนี้ทรงแผ่นผ้าขาดที่ตัด (ด้วยศัสตรา) นุ่งห่มผ้ากาสาวะ เรียกเราโดย
เจาะชื่อ ผู้นี้คือใครหนอแล จักเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์ ? พระเถระจึงถวาย
พระพรว่า
ขอถวายพระพร มหาบพิตร ! อาตม-
ภาพทั้งหลายชื่อว่าสมณะ เป็นสาวกของ
พระธรรมราชามาที่เกาะนี้ จากชมพูทวีป
เพื่ออนุเคราะห์มหาบพิตรเท่านั้น.

[ไม้ไผ่ 3 ลำประมาณค่าไม่ได้เกิดแก่พระเจ้าเทวานัมปิยดิส]


โดยสมัยนั้น พระเจ้าเทวานัมปิยดิสมหาราช และพระเจ้าอโศกธรรม-
ราชา ทรงเป็นพระอทิฏฐสหายกัน (คือสหายที่ยังไม่เคยพบเห็นกัน). ก็ด้วย
พระบุญญานุภาพ ของพระเจ้าเทวานัมปิยดิสมหาราช มีไม้ไผ่ 3 ลำ มีประมาณ
เท่าคันธงรถ เกิดขึ้นที่ก่อไม้ไผ่แห่งหนึ่ง ที่เชิงฉาตกบรรพต ลำหนึ่งชื่อ
ลดายัฏฐิ ลำหนึ่งชื่อ บุปผยัฏฐิ ลำหนึ่งชื่อ สกุณยัฏฐิ.
บรรดาไม่ไผ่ 3 นั้น ลำที่ชื่อว่า ลดายัฏฐิ (คือลำไม่เถา) มีสีเหมือน
เงินแท้ ลดาวัลย์ที่เกิดพันต้นไม่ไผ่นั้นก็ปรากฏมีสีเหมือนทอง. ส่วนในลำที่
ชื่อว่า บุปผยัฏฐิ (คือลำดอกไม้) ก็มีดอกซึ่งมีสีเขียว เหลือง แดง ขาว
และดำ ปรากฏมีขั้ว ใบ และเกสรที่จำแนกไว้ดี. ส่วนในลำที่ชื่อว่า สกุณยัฏฐิ
(คือลำสกุณชาติ) ก็มีหมู่สกุณาหลายหลากมีหงส์ ไก่ และนกโพระดก (นกกระดก)
เป็นต้น และมีสัตว์ 4 เท้านานาชนิด ปรากฏเป็นเหมือนมีชีวิตอยู่. แม้สมจริง
ดังที่พระอาจารย์ชาวสิงหล กล่าวไว้ในคัมภีร์ทีปวงศ์ว่า