เมนู

[พระเถระทรมานพวกนาคให้คลายพยศแล้ว]


พระเถระป้องกันกำลังพลนาคที่น่าสะพรึงกลัวทั้งหมด ด้วยกำลังฤทธิ์
ของตน พูดกะพญานาคว่า
ดูก่อนพญานาค ! โลกแม้ทั้ง
เทวโลก จะพึงมายังเราให้ครั่นคร้ามได้ไซร้,
ก็ไม่พึงมีผู้สามารถเพื่อจะบันดาลภัยที่น่ากลัว
ให้เกิดแก่เราได้, ดูก่อนพญานาค ! แม้หาก
ท่านจะยกแผ่นดินขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้ง
สมุทร ทั้งบรรพต แล้วพึงเหวี่ยงไปเบื้องบน
ของเราได้ไซร้, ท่านก็ไม่พึงสามารถเพื่อจะ
บันดาลภัยที่น่ากลัวให้เกิดแก่เราได้เลย,
ดูก่อนพญาอุรคาธิบดี !ท่านเท่านั้น จะพึงมี
ความแค้นใจอย่างแน่แท้.

ครั้นเมื่อพระเถระกล่าวอย่างนั้นแล้ว พญานาค ถูกพระเถระกำจัด
อานุภาพแล้ว เป็นผู้มีความพยายามไร้ผล มีความทุกข์เศร้าใจซบเซาอยู่.
พระเถระชี้แจงให้พญานาคนั้นเข้าใจ สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา
อันสมควรแก่ขณะนั้นแล้ว ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์และเบญจศีล พร้อมด้วย
นาคจำนวนแปดหมื่นสี่พัน. ยักษ์ คนธรรพ์ และกุมภัณฑ์ แม้เหล่าอื่นเป็น
อันมาก ที่อยู่ป่าหิมพานต์ได้ฟังธรรมกถาของพระเถระแล้ว ก็ได้ตั้งอยู่ใน
สรณะและศีล. แม้ปัญจกยักษ์ พร้อมด้วยนางหาริดียักษิณี และบุตร 500
ก็ได้ตั้งอยู่ในปฐมมรรค.



[พระเถระให้โอวาทพวกยักษ์และรากษสเป็นต้น]


ลำดับนั้น ท่านพระมัชฌันติกเถระ เรียกพวกนาคและรากษสแม้
ทั้งหมดมาแล้ว จึงกล่าวอย่างนี้ว่า
จำเดิมแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกท่าน
อย่าให้ความโกรธเกิดขึ้นเหมือนในกาลก่อน
เลย และอย่าทำลายข้าวกล้า ( ให้เสียหาย )
เพราะว่า สัตว์ทั้งหลาย ใครต่อความสุข
จงแผ่เมตตาไปในสัตว์ทั้งหลายว่า ขอมวล
มนุษย์ จงอยู่เป็นสุขเถิด.

นาคและยักษ์เป็นต้นเหล่านั้นทั้งหมด รับโอวาทขอพระเถระว่า ดีละ
ท่านผู้เจริญ ! ได้ปฏิบัติตามที่ท่านพร่ำสอนแล้ว. ก็ในวันนั้นแล เป็นสมัยทำ
การบูชาพญานาค. เวลานั้น พญานาค สั่งให้นำรัตนบัลลังก์ของตน มาแต่งตั้ง
ถวายพระเถระ. พระเถระ ก็นั่งบนบัลลังก์. ฝ่ายพญานาค ได้ยืนพัดพระเถระ
อยู่ในที่ใกล้. ในขณะนั้น มนุษย์ทั้งหลายผู้อยู่ในแคว้นกัสมีรคันธาระมาเห็น
พระเถระแล้ว ก็พูดกันว่า พระเถระมีฤทธิ์มากแม้กว่าพญานาคของพวกเรา
แล้วได้นั่งลงไหว้พระเถระนั่นแล. พระเถระ ก็แสดงอาสิวิโสปมสูตร* แก่
มนุษย์เหล่านั่น. ในเวลาจบพระสูตร สัตว์ประมาณแปดหมื่น ได้บรรลุ
ธรรมาภิสมัย. แสนตระกูลออกบวชแล้ว, ก็แลจำเดิมแต่กาลนั้นมา แคว้น
กัสมีรคันธาระ ก็รุ่งเรืองไปด้วยผ้ากาสาวพัสตร์ อบอวลไปด้วยลมพวกฤษีจน
ตราบเท่าทุกวันนี้.
* น่าจะเป็นอลคัททูปมสูตร ม. ม. 12/261.