‘‘ตํ ตฺยาหํ [ตาหํ (ก.)] นารท พฺรูมิ, สามํ ทิฏฺฐมิทํ ตยา;
มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติฯ
สูกรมุขเปตวตฺถุ ทุติยํฯ
3. ปูติมุขเปตวตฺถุ
[7]
‘‘ทิพฺพํ สุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุํ, เวหายสํ ติฏฺฐสิ อนฺตลิกฺเข;
มุขญฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กิํ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพ’’ฯ
[8]
‘‘สมโณ อหํ ปาโปติทุฏฺฐวาโจ [ปาโป ทุฏฺฐวาโจ (สี.), ปาโป ทุกฺขวาโจ (สฺยา. ปี.)], ตปสฺสิรูโป มุขสา อสญฺญโต;
ลทฺธา จ เม ตปสา วณฺณธาตุ, มุขญฺจ เม เปสุณิเยน ปูติฯ
[9]
‘‘ตยิทํ ตยา นารท สามํ ทิฏฺฐํ,
อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุํ;
‘มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ,
ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’’ติฯ
ปูติมุขเปตวตฺถุ ตติยํฯ
4. ปิฏฺฐธีตลิกเปตวตฺถุ
[10]
‘‘ยํ กิญฺจารมฺมณํ กตฺวา, ทชฺชา ทานํ อมจฺฉรี;
ปุพฺพเปเต จ อารพฺภ, อถ วา วตฺถุเทวตาฯ
[11]
‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช, โลกปาเล ยสสฺสิเน [ยสสฺสิโน (สี. สฺยา.)];
กุเวรํ ธตรฏฺฐญฺจ, วิรูปกฺขํ วิรูฬฺหกํ;
เต เจว ปูชิตา โหนฺติ, ทายกา จ อนิปฺผลาฯ
[12]