‘‘ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, โกญฺจมยูรจโกร [จงฺโกร (ก.)] สงฺฆจริตํ;
ทิพฺย [ทิพฺพ (สี. ปี.)] ปิลวหํสราชจิณฺณํ, ทิชการณฺฑวโกกิลาภินทิตํฯ
[654]
‘‘นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา, ปาฏลิชมฺพุอโสกรุกฺขวนฺตํ;
ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, ตํ เต ปเวทยามิ [ปวทิสฺสามิ (สี.), ปเวทิสฺสามิ (ปี.)] สุโณหิ ภนฺเตฯ
[655]
‘‘มคธวรปุรตฺถิเมน , นาฬกคาโม นาม อตฺถิ ภนฺเต;
ตตฺถ อโหสิํ ปุเร สุณิสา, เปสวตีติ [เสสวตีติ (สี. สฺยา.)] ตตฺถ ชานิํสุ มมํฯ
[656]
‘‘สาหมปจิตตฺถธมฺมกุสลํ , เทวมนุสฺสปูชิตํ มหนฺตํ;
อุปติสฺสํ นิพฺพุตมปฺปเมยฺยํ, มุทิตมนา กุสุเมหิ อพฺภุกิริํ [อพฺโภกิริํ (สี. สฺยา. ปี. ก.)]ฯ
[657]
‘‘ปรมคติคตญฺจ ปูชยิตฺวา, อนฺติมเทหธรํ อิสิํ อุฬารํ;
ปหาย มานุสกํ สมุสฺสยํ, ติทสคตา อิธ มาวสามิ ฐาน’’นฺติฯ
เปสวตีวิมานํ สตฺตมํฯ
8. มลฺลิกาวิมานวตฺถุ
[658]
‘‘ปีตวตฺเถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;
ปีตนฺตราหิ วคฺคูหิ, อปิฬนฺธาว โสภสิฯ
[659]
‘‘กา กมฺพุกายูรธเร [กกมฺพุกายุรธเร (สฺยา.)], กญฺจนาเวฬภูสิเต;
เหมชาลกสญฺฉนฺเน [ปจฺฉนฺเน (สี.)], นานารตนมาลินีฯ
[660]
‘‘โสวณฺณมยา โลหิตงฺคมยา [โลหิตงฺกมยา (สี. สฺยา.)] จ, มุตฺตามยา เวฬุริยมยา จ;
มสารคลฺลา สหโลหิตงฺคา [สหโลหิตงฺกา (สี.), สหโลหิตกา (สฺยา.)], ปาเรวตกฺขีหิ มณีหิ จิตฺตตาฯ
[661]
‘‘โกจิ โกจิ เอตฺถ มยูรสุสฺสโร, หํสสฺส รญฺโญ กรวีกสุสฺสโร;
เตสํ สโร สุยฺยติ วคฺคุรูโป, ปญฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํฯ
[662]
‘‘รโถ จ เต สุโภ วคฺคุ [วคฺคู (สฺยา.)], นานารตนจิตฺติโต [นานารตนจิตฺตงฺโค (สฺยา.)];
นานาวณฺณาหิ ธาตูหิ, สุวิภตฺโตว โสภติฯ
[663]
‘‘ตสฺมิํ รเถ กญฺจนพิมฺพวณฺเณ, ยา ตฺวํ [ยตฺถ (ก. สี. สฺยา. ก.)] ฐิตา ภาสสิ มํ ปเทสํ;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ
[664]
‘‘โสวณฺณชาลํ มณิโสณฺณจิตฺติตํ [วิจิตฺตํ (ก.), จิตฺตํ (สี. สฺยา.)], มุตฺตาจิตํ เหมชาเลน ฉนฺนํ [สญฺฉนฺนํ (ก.)];
ปรินิพฺพุเต โคตเม อปฺปเมยฺเย, ปสนฺนจิตฺตา อหมาภิโรปยิํฯ
[665]
‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;
อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติฯ
มลฺลิกาวิมานํ อฏฺฐมํฯ
9. วิสาลกฺขิวิมานวตฺถุ
[666]
‘‘กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขิ [วิสาลกฺขี (สฺยา.)], รมฺเม จิตฺตลตาวเน;
สมนฺตา อนุปริยาสิ, นารีคณปุรกฺขตา [ปุรกฺขิตา (สฺยา. ก.)]ฯ
[667]
‘‘ยทา เทวา ตาวติํสา, ปวิสนฺติ อิมํ วนํ;
สโยคฺคา สรถา สพฺเพ, จิตฺรา โหนฺติ อิธาคตาฯ
[668]
‘‘ตุยฺหญฺจ อิธ ปตฺตาย, อุยฺยาเน วิจรนฺติยา;
กาเย น ทิสฺสตี จิตฺตํ, เกน รูปํ ตเวทิสํ;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ
[669]
‘‘เยน กมฺเมน เทวินฺท, รูปํ มยฺหํ คตี จ เม;
อิทฺธิ จ อานุภาโว จ, ตํ สุโณหิ ปุรินฺททฯ
[670]
‘‘อหํ ราชคเห รมฺเม, สุนนฺทา นามุปาสิกา;
สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทาฯ
[671]
‘‘อจฺฉาทนญฺจ ภตฺตญฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ;
อทาสิํ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสาฯ
[672]
‘‘จาตุทฺทสิํ [จตุทฺทสิํ (ปี. ก.)] ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺฐมี;
ปาฏิหาริยปกฺขญฺจ, อฏฺฐงฺคสุสมาคตํฯ
[673]
‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;
สญฺญมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํฯ
[674]
‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สญฺญตา;
เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกาฯ
[675]
‘‘ปญฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;
อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ
[676]
‘‘ตสฺสา เม ญาติกุลา ทาสี [ญาติกุลํ อาสี (สฺยา. ก.)], สทา มาลาภิหารติ;
ตาหํ ภควโต ถูเป, สพฺพเมวาภิโรปยิํฯ
[677]
‘‘อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวา, มาลาคนฺธวิเลปนํ;
ถูปสฺมิํ อภิโรเปสิํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ
[678]