เมนู

‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ โส อาสนํ ปญฺญเปติ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา อุปฏฺฐาเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺฐาเปติฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ ภุญฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติฯ อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติฯ โส อาสนํ อุทฺธรติ , ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺฐาเปติฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺฐาเปม, น ตฺเวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทามฯ ปญฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามฯ เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติฯ

ปาจินวํสทายคมนกถา นิฏฺฐิตาฯ

275. ปาลิเลยฺยกคมนกถา

[467] [อุทา. 35 อาทโย โถกํ วิสทิสํ] อถ โข ภควา อายสฺมนฺตญฺจ อนุรุทฺธํ อายสฺมนฺตญฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตญฺจ กิมิลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน ปาลิเลยฺยกํ [ปาริเลยฺยกํ (สี. สฺยา.)] เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเลฯ อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสิํ เตหิ โกสมฺพเกหิ [โกสพฺภิเกหิ (สฺยา.)] ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหิ กลหการเกหิ วิวาทการเกหิ ภสฺสการเกหิ สงฺเฆ อธิกรณการเกหิฯ โสมฺหิ เอตรหิ เอโก อทุติโย สุขํ ผาสุ วิหรามิ อญฺญตฺเรว เตหิ โกสมฺพเกหิ ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหิ กลหการเกหิ วิวาทการเกหิ ภสฺสการเกหิ สงฺเฆ อธิกรณการเกหี’’ติฯ

อญฺญตโรปิ โข หตฺถินาโค อากิณฺโณ วิหรติ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทติ, โอภคฺโคภคฺคญฺจสฺส สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวติ, โอคาหา จสฺส โอติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติฯ อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม โอติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติฯ ยํนูนาหํ เอโกว คณสฺมา วูปกฏฺโฐ วิหเรยฺย’’นฺติฯ อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺโฑ ภทฺทสาลมูลํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺฐาเปติ, อปฺปหริตญฺจ กโรติฯ อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสิํ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทิํ, โอภคฺโคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทิํสุ, อาวิลานิ จ ปานียานิ อปายิํ โอคาหา จ เม โอติณฺณสฺส [โอคาหญฺจสฺส โอติณฺณสฺส (สฺยา.), โอคาหา จสฺส อุตฺติณฺณสฺส (สี.)] หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย อคมํสุฯ โสมฺหิ เอตรหิ เอโก อทุติโย สุขํ ผาสุ วิหรามิ อญฺญตฺเรว หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหี’’ติฯ

อถ โข ภควา อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวา ตสฺส จ หตฺถินาคสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

[อุทา. 35] ‘‘เอตํ [เอวํ (ก.)] นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน;

สเมติ จิตฺตํ จิตฺเตน, ยเทโก รมตี วเน’’ติฯ

อถ โข ภควา ปาลิเลยฺยเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ

อถ โข โกสมฺพกา อุปาสกา – ‘‘อิเม โข อยฺยา โกสมฺพกา ภิกฺขู พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การกา ฯ อิเมหิ อุพฺพาฬฺโห ภควา ปกฺกนฺโตฯ หนฺท มยํ อยฺเย โกสมฺพเก ภิกฺขู เนว อภิวาเทยฺยาม, น ปจฺจุฏฺเฐยฺยาม, น อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กเรยฺยาม, น สกฺกเรยฺยาม, น ครุํ กเรยฺยาม, น มาเนยฺยาม, น ภเชยฺยาม, น ปูเชยฺยาม, อุปคตานมฺปิ ปิณฺฑกํ น ทชฺเชยฺยาม – เอวํ อิเม อมฺเหหิ อสกฺกริยมานา อครุกริยมานา อมานิยมานา อภชิยมานา อปูชิยมานา อสกฺการปกตา ปกฺกมิสฺสนฺติ วา วิพฺภมิสฺสนฺติ วา ภควนฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข โกสมฺพกา อุปาสกา โกสมฺพเก ภิกฺขู เนว อภิวาเทสุํ, น ปจฺจุฏฺเฐสุํ, น อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ อกํสุ, น สกฺกริํสุ, น ครุํ กริํสุ, น มาเนสุํ, น ภเชสุํ น ปูเชสุํ, อุปคตานมฺปิ ปิณฺฑกํ น อทํสุฯ อถ โข โกสมฺพกา ภิกฺขู โกสมฺพเกหิ อุปาสเกหิ อสกฺกริยมานา อครุกริยมานา อมานิยมานา อภชิยมานา อปูชิยมานา อสกฺการปกตา เอวมาหํสุ – ‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติฯ

ปาลิเลยฺยกคมนกถา นิฏฺฐิตาฯ

276. อฏฺฐารสวตฺถุกถา

[468] อถ โข โกสมฺพกา ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตนุปสงฺกมิํสุฯ อสฺโสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺติฯ กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ยถา ธมฺโม ตถา ติฏฺฐาหี’’ติฯ ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ชาเนยฺยํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา’’ติ?

อฏฺฐารสหิ โข, สาริปุตฺต, วตฺถูหิ อธมฺมวาที ชานิตพฺโพฯ