เมนู

185. จตุมหาปเทสกถา

[305] เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ กิสฺมิญฺจิ กิสฺมิญฺจิ ฐาเน กุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติ – ‘‘กิํ นุ โข ภควตา อนุญฺญาตํ, กิํ อนนุญฺญาต’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ ตญฺเจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปติฯ ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ ตญฺเจ กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปติฯ ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ กปฺปตี’ติ อนนุญฺญาตํ ตญฺเจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปติฯ ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ กปฺปตี’ติ อนนุญฺญาตํ, ตญฺเจ กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปตี’’ติฯ

อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กปฺปติ นุ โข ยาวกาลิเกน ยามกาลิกํ, น นุ โข กปฺปติ? กปฺปติ นุ โข ยาวกาลิเกน สตฺตาหกาลิกํ, น นุ โข กปฺปติ? กปฺปติ นุ โข ยาวกาลิเกน ยาวชีวิกํ, น นุ โข กปฺปติ? กปฺปติ นุ โข ยามกาลิเกน สตฺตาหกาลิกํ, น นุ โข กปฺปติ? กปฺปติ นุ โข ยามกาลิเกน ยาวชีวิกํ, น นุ โข กปฺปติ? กปฺปติ นุ โข สตฺตาหกาลิเกน ยาวชีวิกํ, น นุ โข กปฺปตี’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยามกาลิกํ, ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปติฯ ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, สตฺตาหกาลิกํ, ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปติฯ ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ, ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปติฯ ยามกาลิเกน, ภิกฺขเว, สตฺตาหกาลิกํ, ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปติฯ ยามกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ, ตทหุ ปฏิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกนฺเต น กปฺปติฯ สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ปฏิคฺคหิตํ, สตฺตาหํ กปฺปติ, สตฺตาหาติกฺกนฺเต น กปฺปตี’’ติฯ

จตุมหาปเทสกถา นิฏฺฐิตาฯ

เภสชฺชกฺขนฺธโก ฉฏฺโฐฯ

186. ตสฺสุทฺทานํ

สารทิเก วิกาเลปิ, วสํ มูเล ปิฏฺเฐหิ จ;

กสาเวหิ ปณฺณํ ผลํ, ชตุ โลณํ ฉกณญฺจฯ

จุณฺณํ จาลินิ มํสญฺจ, อญฺชนํ อุปปิสนี [อุปปิํ สนี (สี.), อุปปิํ สนํ (สฺยา.)];

อญฺชนี อุจฺจาปารุตา, สลากา สลากฐานิํ [สลาโกธนี (สี. สฺยา.)]

ถวิกํสพทฺธกํ สุตฺตํ, มุทฺธนิเตลนตฺถุ จ;

นตฺถุกรณี ธูมญฺจ, เนตฺตญฺจาปิธนตฺถวิฯ

เตลปาเกสุ มชฺชญฺจ, อติกฺขิตฺตํ อพฺภญฺชนํ;

ตุมฺพํ เสทํ สมฺภารญฺจ, มหา ภงฺโคทกํ ตถาฯ

ทกโกฏฺฐํ โลหิตญฺจ, วิสาณํ ปาทพฺภญฺชนํ;

ปชฺชํ สตฺถํ กสาวญฺจ, ติลกกฺกํ กพฬิกํฯ

โจฬํ สาสปกุฏฺฏญฺจ, ธูม สกฺขริกาย จ;

วณเตลํ วิกาสิกํ, วิกฏญฺจ ปฏิคฺคหํฯ

คูถํ กโรนฺโต โลฬิญฺจ, ขารํ มุตฺตหรีตกํ;

คนฺธา วิเรจนญฺเจว, อจฺฉากฏํ กฏากฏํฯ

ปฏิจฺฉาทนิ ปพฺภารา, อาราม สตฺตาเหน จ;

คุฬํ มุคฺคํ โสวีรญฺจ, สามํปากา ปุนาปเจฯ

ปุนานุญฺญาสิ ทุพฺภิกฺเข, ผลญฺจ ติลขาทนี;

ปุเรภตฺตํ กายฑาโห, นิพฺพตฺตญฺจ ภคนฺทลํฯ

วตฺถิกมฺมญฺจ สุปฺปิญฺจ, มนุสฺสมํสเมว จ;

หตฺถิอสฺสา สุนโข จ, อหิ สีหญฺจ ทีปิกํ [หตฺถิอสฺสสุนขาหิ, สีหพฺยคฺฆญฺจ ทีปิกํ (สี.)]

อจฺฉตรจฺฉมํสญฺจ, ปฏิปาฏิ จ ยาคุ จ;

ตรุณํ อญฺญตฺร คุฬํ, สุนิธาวสถาคารํฯ

คงฺคา โกฏิสจฺจกถา, อมฺพปาลี จ ลิจฺฉวี;

อุทฺทิสฺส กตํ สุภิกฺขํ, ปุนเทว ปฏิกฺขิปิฯ

เมโฆ ยโส เมณฺฑโก, จ โครสํ ปาเถยฺยเกน จ;

เกณิ อมฺโพ ชมฺพุ โจจ, โมจมธุมุทฺทิกสาลุกํฯ

ผารุสกา ฑากปิฏฺฐํ, อาตุมายํ นหาปิโต;

สาวตฺถิยํ ผลํ พีชํ, กิสฺมิํ ฐาเน จ กาลิเกติฯ

อิมมฺหิ ขนฺธเก วตฺถู เอกสตํ ฉวตฺถุฯ

เภสชฺชกฺขนฺธโก นิฏฺฐิโตฯ

7. กถินกฺขนฺธโก

187. กถินานุชานนา

[306] เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ติํสมตฺตา ปาเวยฺยกา [ปาเฐยฺยกา (สี. สฺยา.)] ภิกฺขู, สพฺเพ อารญฺญิกา สพฺเพ ปิณฺฑปาติกา สพฺเพ ปํสุกูลิกา สพฺเพ เตจีวริกา สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปกฏฺฐาย วสฺสูปนายิกาย นาสกฺขิํสุ สาวตฺถิยํ วสฺสูปนายิกํ สมฺภาเวตุํ; อนฺตรามคฺเค สาเกเต วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ เต อุกฺกณฺฐิตรูปา วสฺสํ วสิํสุ – อาสนฺเนว โน ภควา วิหรติ อิโต ฉสุ โยชเนสุ, น จ มยํ ลภาม ภควนฺตํ ทสฺสนายาติฯ อถ โข เต ภิกฺขู วสฺสํวุฏฺฐา, เตมาสจฺจเยน กตาย ปวารณาย, เทเว วสฺสนฺเต, อุทกสงฺคเห อุทกจิกฺขลฺเล โอกปุณฺเณหิ จีวเรหิ กิลนฺตรูปา เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฏิสมฺโมทิตุํฯ อถ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ? ‘‘ขมนียํ, ภควา; ยาปนียํ, ภควา; สมคฺคา จ มยํ, ภนฺเต, สมฺโมทมานา อวิวทมานา วสฺสํ วสิมฺหา, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิมฺหา ฯ อิธ มยํ, ภนฺเต, ติํสมตฺตา ปาเวยฺยกา ภิกฺขู สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปกฏฺฐาย วสฺสูปนายิกาย นาสกฺขิมฺหา สาวตฺถิยํ วสฺสูปนายิกํ สมฺภาเวตุํ, อนฺตรามคฺเค สาเกเต วสฺสํ อุปคจฺฉิมฺหาฯ เต มยํ, ภนฺเต, อุกฺกณฺฐิตรูปา วสฺสํ วสิมฺหา – ‘อาสนฺเนว โน ภควา วิหรติ อิโต ฉสุ โยชเนสุ, น จ มยํ ลภาม ภควนฺตํ ทสฺสนายา’ติฯ อถ โข มยํ, ภนฺเต, วสฺสํวุฏฺฐา, เตมาสจฺจเยน กตาย ปวารณาย, เทเว วสฺสนฺเต, อุทกสงฺคเห อุทกจิกฺขลฺเล โอกปุณฺเณหิ จีวเรหิ กิลนฺตรูปา อทฺธานํ อาคตาติฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฏฺฐานํ ภิกฺขูนํ กถินํ [กฐินํ (สี. สฺยา.)] อตฺถริตุํฯ อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, ปญฺจ กปฺปิสฺสนฺติ – อนามนฺตจาโร, อสมาทานจาโร, คณโภชนํ, ยาวทตฺถจีวรํ, โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท โส เนสํ ภวิสฺสตีติฯ อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, อิมานิ ปญฺจ กปฺปิสฺสนฺติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อตฺถริตพฺพํฯ พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ ญาเปตพฺโพ –

[307] ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆฯ อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุํฯ เอสา ญตฺติฯ

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆฯ อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํฯ สงฺโฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุํฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส กถินทุสฺสสฺส อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทานํ กถินํ อตฺถริตุํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

‘‘ทินฺนํ อิทํ สงฺเฆน กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กถินํ อตฺถริตุํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

[308] ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถินํ, เอวํ อนตฺถตํฯ