เมนู

(25) 5. อาปตฺติภยวคฺโค

1. สงฺฆเภทกสุตฺตํ

[243] เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อปิ นุ ตํ, อานนฺท, อธิกรณํ วูปสนฺต’’นฺติ? ‘‘กุโต ตํ, ภนฺเต, อธิกรณํ วูปสมิสฺสติ [วูปสมฺมิสฺสติ (?)]! อายสฺมโต , ภนฺเต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ฐิโตฯ ตตฺรายสฺมา อนุรุทฺโธ น เอกวาจิกมฺปิ ภณิตพฺพํ มญฺญตี’’ติฯ

‘‘กทา ปนานนฺท, อนุรุทฺโธ สงฺฆมชฺเฌ อธิกรเณสุ [อธิกรเณสุ เตสุ (ก.)] โวยุญฺชติ! นนุ, อานนฺท, ยานิ กานิจิ อธิกรณานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ ตุมฺเห เจว วูปสเมถ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา จฯ

‘‘จตฺตาโรเม, อานนฺท, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทติฯ กตเม จตฺตาโร? อิธานนฺท, ปาปภิกฺขุ ทุสฺสีโล โหติ ปาปธมฺโม อสุจิ สงฺกสฺสรสมาจาโร ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต อสฺสมโณ สมณปฏิญฺโญ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิญฺโญ อนฺโตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโตฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ โข มํ ภิกฺขู ชานิสฺสนฺติ – ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม อสุจิ สงฺกสฺสรสมาจาโร ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต อสฺสมโณ สมณปฏิญฺโญ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิญฺโญ อนฺโตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโตติ, สมคฺคา มํ สนฺตา นาเสสฺสนฺติ; วคฺคา ปน มํ น นาเสสฺสนฺตี’ติฯ อิทํ, อานนฺท, ปฐมํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทติฯ

‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฏฺฐิโก โหติ, อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺฐิยา สมนฺนาคโตฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ โข มํ ภิกฺขู ชานิสฺสนฺติ – มิจฺฉาทิฏฺฐิโก อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺฐิยา สมนฺนาคโตติ, สมคฺคา มํ สนฺตา นาเสสฺสนฺติ; วคฺคา ปน มํ น นาเสสฺสนฺตี’ติฯ อิทํ, อานนฺท, ทุติยํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทติฯ

‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาอาชีโว โหติ, มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ [ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] กปฺเปติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ โข มํ ภิกฺขู ชานิสฺสนฺติ – มิจฺฉาอาชีโว มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปตีติ, สมคฺคา มํ สนฺตา นาเสสฺสนฺติ; วคฺคา ปน มํ น นาเสสฺสนฺตี’ติฯ อิทํ, อานนฺท, ตติยํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทติฯ

‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ปาปภิกฺขุ ลาภกาโม โหติ สกฺการกาโม อนวญฺญตฺติกาโมฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ โข มํ ภิกฺขู ชานิสฺสนฺติ – ลาภกาโม สกฺการกาโม อนวญฺญตฺติกาโมติ, สมคฺคา มํ สนฺตา น สกฺกริสฺสนฺติ น ครุํ กริสฺสนฺติ น มาเนสฺสนฺติ น ปูเชสฺสนฺติ; วคฺคา ปน มํ สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺตี’ติฯ อิทํ, อานนฺท, จตุตฺถํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทติฯ อิเม โข, อานนฺท, จตฺตาโร อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน ปาปภิกฺขุ สงฺฆเภเทน นนฺทตี’’ติฯ ปฐมํฯ

2. อาปตฺติภยสุตฺตํ

[244] ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อาปตฺติภยานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา รญฺโญ ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ เต, เทว, โจโร อาคุจารีฯ อิมสฺส เทโว ทณฺฑํ ปเณตู’ติฯ ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ , โภ, อิมํ ปุริสํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทถา’ติฯ ตเมนํ รญฺโญ ปุริสา ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺเทยฺยุํฯ ตตฺรญฺญตรสฺส ถลฏฺฐสฺส ปุริสสฺส เอวมสฺส – ‘ปาปกํ วต, โภ, อยํ ปุริโส กมฺมํ อกาสิ คารยฺหํ สีสจฺเฉชฺชํฯ ยตฺร หิ นาม รญฺโญ ปุริสา ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทิสฺสนฺติ ! โส วตสฺสาหํ [โส วตสฺสายํ (สี.)] เอวรูปํ ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)] น กเรยฺยํ [น กเรยฺย (สี.) ที. นิ. 1.183 ปาฬิยา ตทฏฺฐกถาย จ สํสนฺเทตพฺพํ] คารยฺหํ สีสจฺเฉชฺช’นฺติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา เอวํ ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฏฺฐิตา โหติ ปาราชิเกสุ ธมฺเมสุฯ ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – อนาปนฺโน วา ปาราชิกํ ธมฺมํ น อาปชฺชิสฺสติ, อาปนฺโน วา ปาราชิกํ ธมฺมํ ยถาธมฺมํ ปฏิกริสฺสติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส กาฬวตฺถํ [กาฬกํ วตฺถํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปริธาย เกเส ปกิริตฺวา มุสลํ ขนฺเธ อาโรเปตฺวา มหาชนกายํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ อกาสิํ คารยฺหํ โมสลฺลํ, เยน เม อายสฺมนฺโต อตฺตมนา โหนฺติ ตํ กโรมี’ติฯ ตตฺรญฺญตรสฺส ถลฏฺฐสฺส ปุริสสฺส เอวมสฺส – ‘ปาปกํ วต, โภ, อยํ ปุริโส กมฺมํ อกาสิ คารยฺหํ โมสลฺลํฯ ยตฺร หิ นาม กาฬวตฺถํ ปริธาย เกเส ปกิริตฺวา มุสลํ ขนฺเธ อาโรเปตฺวา มหาชนกายํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วกฺขติ – ‘อหํ, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ อกาสิํ คารยฺหํ โมสลฺลํ, เยน เม อายสฺมนฺโต อตฺตมนา โหนฺติ ตํ กโรมีติฯ โส วตสฺสาหํ เอวรูปํ ปาปกมฺมํ น กเรยฺยํ คารยฺหํ โมสลฺล’นฺติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา เอวํ ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฏฺฐิตา โหติ สงฺฆาทิเสเสสุ ธมฺเมสุ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – อนาปนฺโน วา สงฺฆาทิเสสํ ธมฺมํ น อาปชฺชิสฺสติ, อาปนฺโน วา สงฺฆาทิเสสํ ธมฺมํ ยถาธมฺมํ ปฏิกริสฺสติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส กาฬวตฺถํ ปริธาย เกเส ปกิริตฺวา ภสฺมปุฏํ [อสฺสปุฏํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ขนฺเธ อาโรเปตฺวา มหาชนกายํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ อกาสิํ คารยฺหํ ภสฺมปุฏํฯ เยน เม อายสฺมนฺโต อตฺตมนา โหนฺติ ตํ กโรมี’ติฯ ตตฺรญฺญตรสฺส ถลฏฺฐสฺส ปุริสสฺส เอวมสฺส – ‘ปาปกํ วต, โภ, อยํ ปุริโส กมฺมํ อกาสิ คารยฺหํ ภสฺมปุฏํฯ ยตฺร หิ นาม กาฬวตฺถํ ปริธาย เกเส ปกิริตฺวา ภสฺมปุฏํ ขนฺเธ อาโรเปตฺวา มหาชนกายํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วกฺขติ – อหํ, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ อกาสิํ คารยฺหํ ภสฺมปุฏํ; เยน เม อายสฺมนฺโต อตฺตมนา โหนฺติ ตํ กโรมีติฯ