6. โสขุมฺมสุตฺตํ
[16] ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, โสขุมฺมานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ รูปโสขุมฺเมน อญฺญํ รูปโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ รูปโสขุมฺเมน อญฺญํ รูปโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ เวทนาโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ เวทนาโสขุมฺเมน อญฺญํ เวทนาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ เวทนาโสขุมฺเมน อญฺญํ เวทนาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ สญฺญาโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ สญฺญาโสขุมฺเมน อญฺญํ สญฺญาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ สญฺญาโสขุมฺเมน อญฺญํ สญฺญาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ สงฺขารโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ สงฺขารโสขุมฺเมน อญฺญํ สงฺขารโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ สงฺขารโสขุมฺเมน อญฺญํ สงฺขารโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ โสขุมฺมานี’’ติฯ
‘‘รูปโสขุมฺมตํ ญตฺวา, เวทนานญฺจ สมฺภวํ;
สญฺญา ยโต สมุเทติ, อตฺถํ คจฺฉติ ยตฺถ จ;
สงฺขาเร ปรโต ญตฺวา, ทุกฺขโต โน จ อตฺตโตฯ
‘‘ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, สนฺโต สนฺติปเท รโต;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติฯ ฉฏฺฐํ;
7. ปฐมอคติสุตฺตํ
[17] ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อคติคมนานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อคติคมนานี’’ติฯ
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา’’ติฯ สตฺตมํ;