‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ภาวนาปฺปธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํ, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภาวนาปฺปธานํฯ
‘‘กตมญฺจ , ภิกฺขเว, อนุรกฺขณาปฺปธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ภทฺทกํ สมาธินิมิตฺตํ อนุรกฺขติ อฏฺฐิกสญฺญํ ปุฬวกสญฺญํ วินีลกสญฺญํ วิจฺฉิทฺทกสญฺญํ อุทฺธุมาตกสญฺญํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อนุรกฺขณาปฺปธานํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ปธานานี’’ติฯ
‘‘สํวโร จ ปหานญฺจ, ภาวนา อนุรกฺขณา;
เอเต ปธานา จตฺตาโร, เทสิตาทิจฺจพนฺธุนา;
เยหิ ภิกฺขุ อิธาตาปี, ขยํ ทุกฺขสฺส ปาปุเณ’’ติฯ จตุตฺถํ;
5. ปญฺญตฺติสุตฺตํ
[15] ‘‘จตสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, อคฺคปญฺญตฺติโยฯ กตมา จตสฺโส? เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, อตฺตภาวีนํ ยทิทํ – ราหุ อสุรินฺโทฯ เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, กามโภคีนํ ยทิทํ – ราชา มนฺธาตาฯ เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, อาธิปเตยฺยานํ ยทิทํ – มาโร ปาปิมาฯ สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, จตสฺโส อคฺคปญฺญตฺติโย’’ติฯ
‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีนํ, มนฺธาตา กามโภคินํ;
มาโร อาธิปเตยฺยานํ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํฯ
‘‘อุทฺธํ ติริยํ อปาจีนํ, ยาวตา ชคโต คติ;
สเทวกสฺส โลกสฺส, พุทฺโธ อคฺโค ปวุจฺจตี’’ติฯ ปญฺจมํ;
6. โสขุมฺมสุตฺตํ
[16] ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, โสขุมฺมานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ รูปโสขุมฺเมน อญฺญํ รูปโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ รูปโสขุมฺเมน อญฺญํ รูปโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ เวทนาโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ เวทนาโสขุมฺเมน อญฺญํ เวทนาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ เวทนาโสขุมฺเมน อญฺญํ เวทนาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ สญฺญาโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ สญฺญาโสขุมฺเมน อญฺญํ สญฺญาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ สญฺญาโสขุมฺเมน อญฺญํ สญฺญาโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ สงฺขารโสขุมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ ปรเมน; เตน จ สงฺขารโสขุมฺเมน อญฺญํ สงฺขารโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสติ; เตน จ สงฺขารโสขุมฺเมน อญฺญํ สงฺขารโสขุมฺมํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ โสขุมฺมานี’’ติฯ
‘‘รูปโสขุมฺมตํ ญตฺวา, เวทนานญฺจ สมฺภวํ;
สญฺญา ยโต สมุเทติ, อตฺถํ คจฺฉติ ยตฺถ จ;
สงฺขาเร ปรโต ญตฺวา, ทุกฺขโต โน จ อตฺตโตฯ
‘‘ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, สนฺโต สนฺติปเท รโต;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติฯ ฉฏฺฐํ;
7. ปฐมอคติสุตฺตํ
[17] ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อคติคมนานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อคติคมนานี’’ติฯ
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา’’ติฯ สตฺตมํ;