เมนู

1. สาลสุตฺตํ

[521] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ สาลาย พฺราหฺมณคาเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เย เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา, สีโห มิคราชา เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – ถาเมน ชเวน สูเรน [สูริเยน (สี. สฺยา. กํ.)]; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ โพธิปกฺขิยา ธมฺมา, ปญฺญินฺทฺริยํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – โพธาย’’ฯ

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, โพธิปกฺขิยา ธมฺมา? สทฺธินฺทฺริยํ, ภิกฺขเว, โพธิปกฺขิโย ธมฺโม, ตํ โพธาย สํวตฺตติ; วีริยินฺทฺริยํ โพธิปกฺขิโย ธมฺโม, ตํ โพธาย สํวตฺตติ; สตินฺทฺริยํ โพธิปกฺขิโย ธมฺโม, ตํ โพธาย สํวตฺตติ; สมาธินฺทฺริยํ โพธิปกฺขิโย ธมฺโม, ตํ โพธาย สํวตฺตติ; ปญฺญินฺทฺริยํ โพธิปกฺขิโย ธมฺโม, ตํ โพธาย สํวตฺตติฯ เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, เย เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา, สีโห มิคราชา เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – ถาเมน ชเวน สูเรน; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ โพธิปกฺขิยา ธมฺมา, ปญฺญินฺทฺริยํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – โพธายา’’ติฯ ปฐมํฯ

2. มลฺลิกสุตฺตํ

[522] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มลฺเลสุ [มลฺลเกสุ (สี. สฺยา. กํ.), มลฺลิเกสุ (ก.)] วิหรติ อุรุเวลกปฺปํ นาม มลฺลานํ นิคโมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อริยญาณํ น อุปฺปนฺนํ โหติ เนว ตาว จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ สณฺฐิติ โหติ, เนว ตาว จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ อวฏฺฐิติ โหติฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อริยญาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ, อถ จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ สณฺฐิติ โหติ, อถ จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ อวฏฺฐิติ โหติ’’ฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยาวกีวญฺจ กูฏาคารสฺส กูฏํ น อุสฺสิตํ โหติ, เนว ตาว โคปานสีนํ สณฺฐิติ โหติ, เนว ตาว โคปานสีนํ อวฏฺฐิติ โหติฯ

ยโต จ โข, ภิกฺขเว, กูฏาคารสฺส กูฏํ อุสฺสิตํ โหติ, อถ โคปานสีนํ สณฺฐิติ โหติ, อถ โคปานสีนํ อวฏฺฐิติ โหติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยาวกีวญฺจ อริยสาวกสฺส อริยญาณํ น อุปฺปนฺนํ โหติ, เนว ตาว จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ สณฺฐิติ โหติ, เนว ตาว จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ อวฏฺฐิติ โหติฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อริยญาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ, อถ จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ…เป.… อวฏฺฐิติ โหติฯ

‘‘กตเมสํ จตุนฺนํ? สทฺธินฺทฺริยสฺส , วีริยินฺทฺริยสฺส, สตินฺทฺริยสฺส, สมาธินฺทฺริยสฺสฯ ปญฺญวโต, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ตทนฺวยา สทฺธา สณฺฐาติ, ตทนฺวยํ วีริยํ สณฺฐาติ, ตทนฺวยา สติ สณฺฐาติ, ตทนฺวโย สมาธิ สณฺฐาตี’’ติฯ ทุติยํฯ

3. เสขสุตฺตํ

[523] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม เสโข ภิกฺขุ เสขภูมิยํ ฐิโต ‘เสโขสฺมี’ติ ปชาเนยฺย, อเสโข ภิกฺขุ อเสขภูมิยํ ฐิโต ‘อเสโขสฺมี’ติ ปชาเนยฺยา’’ติ?

ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา…เป.… ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม เสโข ภิกฺขุ เสขภูมิยํ ฐิโต ‘เสโขสฺมี’ติ ปชาเนยฺย, อเสโข ภิกฺขุ อเสขภูมิยํ ฐิโต ‘อเสโขสฺมี’ติ ปชาเนยฺย’’ฯ

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม เสโข ภิกฺขุ เสขภูมิยํ ฐิโต ‘เสโขสฺมี’ติ ปชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ – อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม เสโข ภิกฺขุ เสขภูมิยํ ฐิโต ‘เสโขสฺมี’ติ ปชานาติ’’ฯ