2. ธุตงฺคนิทฺเทโส
[22] อิทานิ เยหิ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺฐิตาทีหิ คุเณหิ วุตฺตปฺปการสฺส สีลสฺส โวทานํ โหติ, เต คุเณ สมฺปาเทตุํ ยสฺมา สมาทินฺนสีเลน โยคินา ธุตงฺคสมาทานํ กาตพฺพํฯ เอวญฺหิสฺส อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺฐิตาสลฺเลขปวิเวกาปจยวีริยารมฺภสุภรตาทิคุณสลิลวิกฺขาลิตมลํ สีลญฺเจว สุปริสุทฺธํ ภวิสฺสติ, วตานิ จ สมฺปชฺชิสฺสนฺติฯ อิติ อนวชฺชสีลพฺพตคุณปริสุทฺธสพฺพสมาจาโร โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺฐาย จตุตฺถสฺส ภาวนารามตาสงฺขาตสฺส อริยวํสสฺส อธิคมารโห ภวิสฺสติฯ ตสฺมา ธุตงฺคกถํ อารภิสฺสามฯ
ภควตา หิ ปริจฺจตฺตโลกามิสานํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ อนุโลมปฏิปทํเยว อาราเธตุกามานํ กุลปุตฺตานํ เตรสธุตงฺคานิ อนุญฺญาตานิฯ เสยฺยถิทํ – ปํสุกูลิกงฺคํ, เตจีวริกงฺคํ, ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ, อารญฺญิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติฯ ตตฺถ –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, สมาทานวิธานโต;
ปเภทโต เภทโต จ, ตสฺส ตสฺสานิสํสโตฯ
กุสลตฺติกโต เจว, ธุตาทีนํ วิภาคโต;
สมาสพฺยาสโต จาปิ, วิญฺญาตพฺโพ วินิจฺฉโยฯ
[23] ตตฺถ อตฺถโตติ ตาว รถิกสุสานสงฺการกูฏาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ฐิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเฐน เตสุ เตสุ ปํสุกูลมิวาติ ปํสุกูลํ, อถ วา ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลตีติ ปํสุกูลํ, กุจฺฉิตภาวํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ ลทฺธนิพฺพจนสฺส ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ , ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโกฯ ปํสุกูลิกสฺส องฺคํ ปํสุกูลิกงฺคํฯ องฺคนฺติ การณํ วุจฺจติฯ ตสฺมา เยน สมาทาเนน โส ปํสุกูลิโก โหติ, ตสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํฯ
เอเตเนว นเยน สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาตํ ติจีวรํ สีลมสฺสาติ เตจีวริโกฯ เตจีวริกสฺส องฺคํ เตจีวริกงฺคํฯ