ปติรูเป กุเล ชายิตฺวา ปติรูปํ กุลํ คนฺตฺวา อสปตฺติ อคารํ อชฺฌาวสนฺตี ปุตฺตวตี สมานา สามิกํ อภิภุยฺย วตฺเตยฺยนฺติ – อิทํ, ภิกฺขเว, ปญฺจมํ ฐานํ สุลภํ กตปุญฺเญน มาตุคาเมนฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ฐานานิ สุลภานิ กตปุญฺเญน มาตุคาเมนา’’ติฯ อฏฺฐมํฯ
9. ปญฺจสีลวิสารทสุตฺตํ
[312] ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต จ โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต จ โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต จ โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต จ โหติ , สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺฐานา ปฏิวิรโต จ โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติฯ นวมํฯ
10. วฑฺฒีสุตฺตํ
[313] ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ สาราทายินี จ โหติ วราทายินี จ กายสฺสฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปญฺญาย วฑฺฒติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายินี จ โหติ, วราทายินี จ กายสฺสา’’ติฯ
‘‘สทฺธาย สีเลน จ ยาธ วฑฺฒติ,
ปญฺญาย จาเคน สุเตน จูภยํ;
สา ตาทิสี สีลวตี อุปาสิกา,
อาทียติ สารมิเธว อตฺตโน’’ติฯ ทสมํ;
พลวคฺโค ตติโยฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
วิสารทา ปสยฺห อภิภุยฺย, เอกํ องฺเคน ปญฺจมํ;
นาเสนฺติ เหตุ ฐานญฺจ, วิสารโท วฑฺฒินา ทสาติฯ
มาตุคามสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ