เมนู

1. นยมาติกาวณฺณนา

[1] โก ปเนตสฺส ปกรณสฺส ปริจฺเฉโทติ? น โส อิธ วตฺตพฺโพ, อฏฺฐสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺฐ. นิทานกถา) ปกรณปริจฺเฉโท วุตฺโต เอวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จุทฺทสวิเธน วิภตฺตนฺติ วุตฺต’’นฺติฯ ขนฺธาทีนํ เทสนา นียติ ปวตฺตียติ เอเตหิ, ขนฺธาทโย เอว วา นียนฺติ ญายนฺติ เอเตหิ ปกาเรหีติ นยา, นยานํ มาติกา อุทฺเทโส, นยา เอว วา มาติกาติ นยมาติกาเอเตสํ ปทานํ มูลภูตตฺตาติ ‘‘มูลมาติกา’’ติ วตฺตพฺพานํ สงฺคหาสงฺคหาทีนํ จุทฺทสนฺนํ ปทานํ ขนฺธาทิธมฺมวิภชนสฺส อิมสฺส ปกรณสฺส มูลภูตตฺตา นิสฺสยภูตตฺตาติ อตฺโถฯ

2. อพฺภนฺตรมาติกาวณฺณนา

[2] ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา’’ติอาทีหิ รูปกฺขนฺธาทิปทานิ ทสฺสิตานิ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจเนน จ เยสุ ทฺวาทสสุ องฺเคสุ ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสทฺโท วตฺตติ, ตทตฺถานิ ทฺวาทส ปทานิ ทสฺสิตานีติ เตสํ ตถาทสฺสิตานํ สรูเปเนว ทสฺสิตานํ ผสฺสาทีนญฺจ ปทานํ วเสน อาห ‘‘ปญฺจวีสาธิเกน ปทสเตนา’’ติฯ ตตฺถ กมฺมุปปตฺติกามภวาทีนํ อิธ วิภตฺตานํ ภาวนภวนภาเวน ภเว วิย โสกาทีนํ ชรามรณสฺส วิย อนิฏฺฐตฺตา ตนฺนิทานทุกฺขภาเวน จ ชรามรเณ อนฺโตคธตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทฺวาทสปทตา ทฏฺฐพฺพาฯ เอตฺถ จ ปาฬิยํ ภินฺทิตฺวา อวิสฺสชฺชิตานมฺปิ สติปฏฺฐานาทีนํ ภินฺทิตฺวา คหณํ กโรนฺโต เตสํ ภินฺทิตฺวาปิ วิสฺสชฺชิตพฺพตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํฯ

นยมาติกาทิกา ลกฺขณมาติกนฺตา มาติกา ปกรณนฺตราสาธารณตาย ธาตุกถาย มาติกา นาม, ตสฺสา อพฺภนฺตเร วุตฺโต วิภชิตพฺพานํ อุทฺเทโส อพฺภนฺตรมาติกา นามาติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวํ อวตฺวาติ ยถา ‘‘สพฺพาปิ…เป.… มาติกา’’ติ อยํ ธาตุกถามาติกโต พหิทฺธา วุตฺตา, เอวํ อวตฺวาติ อตฺโถฯ ธาตุกถาย อพฺภนฺตเรเยวาติ จ ธาตุกถามาติกาย อพฺภนฺตเรเยวาติ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพฯ

ตทาเวณิกมาติกาอพฺภนฺตเร หิ ฐปิตา ตสฺสาเยว อพฺภนฺตเร ฐปิตาติ วุตฺตา ฯ อถ วา เอวํ อวตฺวาติ ยถา ‘‘สพฺพาปิ…เป.… มาติกา’’ติ เอเตน วจเนน ธาตุกถาโต พหิภูตา กุสลาทิอรณนฺตา มาติกา ปกรณนฺตรคตา วุตฺตา, เอวํ อวตฺวาติ อตฺโถฯ ธาตุกถาย อพฺภนฺตเรเยวาติ จ อิมสฺส ปกรณสฺส อพฺภนฺตเร เอว สรูปโต ทสฺเสตฺวา ฐปิตตฺตาติ อตฺโถฯ สพฺพสฺส อภิธมฺมสฺส มาติกาย อสงฺคหิตตฺตา วิกิณฺณภาเวน ปกิณฺณกตา เวทิตพฺพาฯ

3. นยมุขมาติกาวณฺณนา

[3] นยานํ ปวตฺติทฺวารภูตา สงฺคหาสงฺคหวิโยคีสหโยคีธมฺมา นยมุขานีติ เตสํ อุทฺเทโส นยมุขมาติกาฯ จุทฺทสปิ หิ สงฺคหาสงฺคหสมฺปโยควิปฺปโยคานํ โวมิสฺสกตาวเสน ปวตฺตาติ เยหิ เต จตฺตาโรปิ โหนฺติ, เต ธมฺมา จุทฺทสนฺนมฺปิ นยานํ มุขานิ โหนฺตีติฯ ตตฺถ สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทาทีสุ สจฺจาทีหิปิ ยถาสมฺภวํ สงฺคหาสงฺคโห ยทิปิ วุตฺโต, โส ปน สงฺคาหกภูเตหิ เตหิ วุตฺโต, น สงฺคหภูเตหิ, โสปิ ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา อายตนสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติอาทินา ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมุทฺธาเร ตตฺถาปิ ขนฺธาทีเหว สงฺคเหหิ นิยเมตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘ตีหิ สงฺคโห, ตีหิ อสงฺคโห’’ติ วุตฺตํฯ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมุทฺธาเรปิ ปน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุ จ รูปกฺขนฺธาทีนํ อรณนฺตานํ ยถาสมฺภวํ สมฺปโยควิปฺปโยคา จตูเหว ขนฺเธหิ โหนฺตีติ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตํฯ

นนุ จ วิปฺปโยโค รูปนิพฺพาเนหิปิ โหติ, กสฺมา ‘‘จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตนฺติ? รูปนิพฺพาเนหิ ภวนฺตสฺสปิ จตูเหว ภาวโตฯ น หิ รูปํ รูเปน นิพฺพาเนน วา วิปฺปยุตฺตํ โหติ, นิพฺพานํ วา รูเปน, จตูเหว ปน ขนฺเธหิ โหตีติ จตุนฺนํ ขนฺธานํ รูปนิพฺพาเนหิ วิปฺปโยโคปิ วิปฺปยุชฺชมาเนหิ จตูหิ ขนฺเธหิ นิยมิโต เตหิ วินา วิปฺปโยคาภาวโตฯ โส จายํ วิปฺปโยโค อนารมฺมณสฺส, อนารมฺมณอนารมฺมณมิสฺสเกหิ มิสฺสกสฺส จ น โหติ, อนารมฺมณสฺส ปน มิสฺสกสฺส จ สารมฺมเณน, สารมฺมณสฺส สารมฺมเณน อนารมฺมเณน มิสฺสเกน จ โหตีติ เวทิตพฺโพฯ