เมนู

9. นิโรธสมาปตฺติสุตฺตํ

[340] สาวตฺถินิทานํฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต…เป.… ฯ ‘‘อิธาหํ, อาวุโส, สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิฯ ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, น เอวํ โหติ – ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามี’ติ วา ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺโน’ติ วา ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธา วุฏฺฐิโต’ติ วา’’ติฯ ‘‘ตถา หิ ปนายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ทีฆรตฺตํ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา สุสมูหตาฯ ตสฺมา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส น เอวํ โหติ – ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามี’ติ วา ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺโน’ติ วา ‘อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธา วุฏฺฐิโต’ติ วา’’ติฯ นวมํฯ

10. สูจิมุขีสุตฺตํ

[341] เอกํ สมยํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคเห ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ อญฺญตรํ กุฏฺฏมูลํ [กุฑฺฑมูลํ (สี. สฺยา. กํ.), กุฑฺฑํ (ปี.)] นิสฺสาย ปริภุญฺชติฯ อถ โข สูจิมุขี ปริพฺพาชิกา เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ

‘‘กิํ นุ โข, สมณ, อโธมุโข ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, อโธมุโข ภุญฺชามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมณ, อุพฺภมุโข [อุทฺธํมุโข (สี. อฏฺฐ.)] ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, อุพฺภมุโข ภุญฺชามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมณ, ทิสามุโข ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, ทิสามุโข ภุญฺชามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมณ, วิทิสามุโข ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, วิทิสามุโข ภุญฺชามี’’ติฯ

‘‘‘กิํ นุ, สมณ, อโธมุโข ภุญฺชสี’ติ อิติ ปุฏฺโฐ สมาโน ‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, อโธมุโข ภุญฺชามี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, สมณ, อุพฺภมุโข ภุญฺชสี’ติ อิติ ปุฏฺโฐ สมาโน ‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, อุพฺภมุโข ภุญฺชามี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, สมณ, ทิสามุโข ภุญฺชสี’ติ อิติ ปุฏฺโฐ สมาโน ‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, ทิสามุโข ภุญฺชามี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, สมณ, วิทิสามุโข ภุญฺชสี’ติ อิติ ปุฏฺโฐ สมาโน ‘น ขฺวาหํ, ภคินิ, วิทิสามุโข ภุญฺชามี’ติ วเทสิ’’ฯ

‘‘กถญฺจรหิ , สมณ, ภุญฺชสี’’ติ? ‘‘เย หิ เกจิ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา [สมณา วา พฺราหฺมณา วา (สี.) นิคมนวากฺเย ปน สพฺพตฺถาปิ สมาโสเยว ทิสฺสติ] วตฺถุวิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ [ชีวิตํ (ก.)] กปฺเปนฺติ, อิเม วุจฺจนฺติ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา ‘อโธมุขา ภุญฺชนฺตี’ติฯ เย หิ เกจิ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา นกฺขตฺตวิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, อิเม วุจฺจนฺติ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา ‘อุพฺภมุขา ภุญฺชนฺตี’ติฯ เย หิ เกจิ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคาย [… นุโยคา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), … นุโยเคน (?)] มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, อิเม วุจฺจนฺติ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา ‘ทิสามุขา ภุญฺชนฺตี’ติฯ เย หิ เกจิ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา องฺควิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, อิเม วุจฺจนฺติ, ภคินิ, สมณพฺราหฺมณา ‘วิทิสามุขา ภุญฺชนฺตี’’’ติฯ

‘‘โส ขฺวาหํ, ภคินิ, น วตฺถุวิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปมิ, น นกฺขตฺตวิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปมิ, น ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปมิ, น องฺควิชฺชาติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปมิฯ ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสามิ; ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา ภุญฺชามี’’ติฯ

อถ โข สูจิมุขี ปริพฺพาชิกา ราชคเห รถิยาย รถิยํ, สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาโรเจสิ – ‘‘ธมฺมิกํ สมณา สกฺยปุตฺติยา อาหารํ อาหาเรนฺติ; อนวชฺชํ [อนวชฺเชน (ก.)] สมณา สกฺยปุตฺติยา อาหารํ อาหาเรนฺติฯ เทถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ปิณฺฑ’’นฺติฯ ทสมํฯ

สาริปุตฺตสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ

ตสฺสุทฺทานํ –

วิเวกชํ อวิตกฺกํ, ปีติ อุเปกฺขา จตุตฺถกํ;

อากาสญฺเจว วิญฺญาณํ, อากิญฺจํ เนวสญฺญินา;

นิโรโธ นวโม วุตฺโต, ทสมํ สูจิมุขี จาติฯ

8. นาคสํยุตฺตํ

1. สุทฺธิกสุตฺตํ

[342] สาวตฺถินิทานํ ฯ ‘‘จตสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, นาคโยนิโยฯ กตมา จตสฺโส? อณฺฑชา นาคา, ชลาพุชา นาคา, สํเสทชา นาคา, โอปปาติกา นาคา – อิมา โข, ภิกฺขเว, จตสฺโส นาคโยนิโย’’ติฯ ปฐมํฯ

2. ปณีตตรสุตฺตํ

[343] สาวตฺถินิทานํฯ ‘‘จตสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, นาคโยนิโยฯ กตมา จตสฺโส? อณฺฑชา นาคา, ชลาพุชา นาคา, สํเสทชา นาคา, โอปปาติกา นาคาฯ ตตฺร , ภิกฺขเว, อณฺฑเชหิ นาเคหิ ชลาพุชา จ สํเสทชา จ โอปปาติกา จ นาคา ปณีตตราฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, อณฺฑเชหิ จ ชลาพุเชหิ จ นาเคหิ สํเสทชา จ โอปปาติกา จ นาคา ปณีตตราฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, อณฺฑเชหิ จ ชลาพุเชหิ จ สํเสทเชหิ จ นาเคหิ โอปปาติกา นาคา ปณีตตราฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, จตสฺโส นาคโยนิโย’’ติฯ ทุติยํฯ

3. อุโปสถสุตฺตํ

[344] เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน มิเธกจฺเจ อณฺฑชา นาคา อุโปสถํ อุปวสนฺติ โวสฺสฏฺฐกายา จ ภวนฺตี’’ติ?

‘‘อิธ , ภิกฺขุ, เอกจฺจานํ อณฺฑชานํ นาคานํ เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุพฺเพ กาเยน ทฺวยการิโน อหุมฺห, วาจาย ทฺวยการิโน, มนสา ทฺวยการิโนฯ เต มยํ กาเยน ทฺวยการิโน, วาจาย ทฺวยการิโน, มนสา ทฺวยการิโน, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อณฺฑชานํ นาคานํ สหพฺยตํ อุปปนฺนาฯ