5. อจิรปกฺกนฺตสุตฺตํ
[184] เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเตฯ ตตฺร โข ภควา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อตฺตวธาย, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ’’ฯ
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กทลี อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิฯ
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เวฬุ อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิฯ
‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, นโฬ อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิฯ
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อสฺสตรี อตฺตวธาย คพฺภํ คณฺหาติ, ปราภวาย คพฺภํ คณฺหาติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิฯ เอวํ ทารุโณ โข, ภิกฺขเว, ลาภสกฺการสิโลโกฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ผลํ เว กทลิํ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตริํ ยถาติ’’ฯ ปญฺจมํ;
6. ปญฺจรถสตสุตฺตํ
[185] ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน เทวทตฺตสฺส อชาตสตฺตุกุมาโร ปญฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺฐานํ คจฺฉติ, ปญฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียติฯ อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, อชาตสตฺตุกุมาโร ปญฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺฐานํ คจฺฉติ, ปญฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียตี’’ติฯ ‘‘มา, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลกํ ปิหยิตฺถฯ ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส อชาตสตฺตุกุมาโร ปญฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺฐานํ คมิสฺสติ, ปญฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อาหรียิสฺสติ, หานิเยว, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน วุทฺธิ’’ฯ
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยุํ , เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว , กุกฺกุโร ภิยฺโยโสมตฺตาย จณฺฑตโร อสฺส; เอวเมว, ภิกฺขเว, ยาวกีวญฺจ เทวทตฺตสฺส อชาตสตฺตุกุมาโร ปญฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺฐานํ คมิสฺสติ, ปญฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อาหรียิสฺสติ, หานิเยว, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน วุทฺธิฯ เอวํ ทารุโณ โข, ภิกฺขเว, ลาภสกฺการสิโลโก…เป.… เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ฉฏฺฐํฯ
7. มาตุสุตฺตํ
[186] สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป.… ‘‘ทารุโณ, ภิกฺขเว, ลาภสกฺการสิโลโก กฏุโก ผรุโส อนฺตรายิโก อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมายฯ อิธาหํ , ภิกฺขเว, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘น จายมายสฺมา มาตุปิ เหตุ สมฺปชานมุสา ภาเสยฺยา’ติฯ ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูตํ ปริยาทิณฺณจิตฺตํ สมฺปชานมุสา ภาสนฺตํฯ เอวํ ทารุโณ โข, ภิกฺขเว, ลาภสกฺการสิโลโก กฏุโก ผรุโส อนฺตรายิโก อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมายฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการสิโลกํ ปชหิสฺสามฯ น จ โน อุปฺปนฺโน ลาภสกฺการสิโลโก จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตี’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ สตฺตมํฯ